|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
วาโก้ เดินหน้ายกระดับภาพสู่พรีเมียมแบรนด์ต่อเนื่อง เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในคอลเลคชั่น "วาโก้ Sexy 3D" ผุดไอเดียเจ๋งส่ง Intimate Advisor ให้คำปรึกษา พร้อมใส่โชว์ลูกค้า ณ จุดขาย กระตุ้นให้เกิดการทดลอง หลังสำรวจพบลูกค้าสาวกว่า 50% ไม่นิยม Fitting ทีเด็ดครั้งนี้เพื่อกระชากการตัดสินใจซื้อทันที 100%
"วาโก้ Sexy 3D" ชุดชั้นในคอลเลคชั่นล่าสุด ที่มาพร้อมนวัตกรรมแห่งการดีไซน์ เพื่อเผยเนินอกสวย อวบอิ่ม ความต้องการของสาวน้อยสาวใหญ่ที่กลายเป็นแฟชั่นฮอตฮิตในยุคนี้ และถือเป็นคอลเลคชั่นสำคัญของวาโก้อีกครั้ง ในการปรับภาพลักษณ์สู่พรีเมียมแบรนด์ หลังจากที่เปิดตัวรุ่น "ไดมอน อินทิเมซี่" ชุดชั้นในประดับคริสตัลที่ร่วมกับชวารอฟท์กี้เป็นครั้งแรก นำร่องนโยบายไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตามมาด้วย การร่วมกับค่ายหนังโซนี่ พิกเจอร์เปิดตัวคอลเลกชั่น "Wacoal Bewitched" จำนวน 50 แบบ เพื่อสร้างและขยายฐานชุดชั้นในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
สำหรับ "วาโก้ Sexy 3D" คอลเลคชั่นสุดท้ายของปีนี้ ที่จะช่วยยกระดับแบรนด์วาโก้ให้เป็นพรีเมียมชัดเจนขึ้น เพื่อเลี่ยงสงครามราคาในตลาดล่าง และการเข้ามาตีตลาดของชุดชั้นในจากจีน ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมการดีไซน์ใหม่ที่ประกอบด้วย 3D Cutting คือ การสร้างให้เกิดมิติ การใช้เทคนิคสีผ้าลูกไม้มากกว่า 1 สี และ การออกแบบในลักษณะทรงเศษ 3 ส่วน 4 ให้สามารถโชว์และเข้ากับเสื้อผ้าได้ โดยเป็นทรงที่กำลังได้รับความนิยมให้เป็นแฟชั่นชุดชั้นในระดับโลกด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลหลักข้อหนึ่งที่ทำให้วาโก้หันมาให้ความสำคัญกับชุดชั้นในทรงดังกล่าวเป็นหลัก
ปัจจุบัน วาโก้ทำการผลิตและจำหน่ายบราเซียร์ ทั้งหมด 3 แบบ แบ่งเป็น ทรงแบบฟูลคัพ สัดส่วน 40% ทรงเศษ 1 ส่วน 2 สัดส่วน 10% และ ทรงเศษ 3 ส่วน 4 จำนวน 50% เท่ากับสัดส่วนในตลาดรวมชุดชั้นในมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ที่กว่า 50% เป็นดีไซน์แบบเศษ 3 ส่วนเช่นกัน ทั้งนี้เพราะ ดีไซน์ดังกล่าวสามารถเข้ากับแฟชั่นเสื้อผ้าภายนอกได้ดีที่สุด และตอบสนองความต้องการของผู้หญิงที่ชอบความเซ็กซี่ได้อีกด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นการซื้อชุดชั้นในของผู้หญิงได้มากกว่าที่ผ่านมา
ทว่า หากเทียบพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในของผู้หญิงแต่ละวัยค่อนข้างแตกต่างกัน โดยกลุ่มผู้ใหญ่จะมีความถี่การซื้อหรือการเปลี่ยนรูปทรงดีไซน์แบบใหม่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับ กลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน ที่จะซื้อชุดชั้นโดยพิจารณาจากแฟชั่น และ ดีไซน์ ขณะที่ผู้ใหญ่จะพิจารณาจากฟังก์ชั่นของสินค้าเป็นหลัก ดังนั้น วาโก้จึงหันมาขยายฐานลูกค้ากลุ่มเด็ก วัยรุ่น และคนทำงานให้มากขึ้น โดยใช้การทำตลาดรูปแบบใหม่ และแฟชั่นที่ไม่ถูกจำกัดด้วยอายุมาเป็นแรงขับเคลื่อนการซื้อ เช่น การออกรุ่น "ไดมอน อินทิเมซี่" ที่ประดับด้วยคริสตัลบริเวณสายบ่า เพื่อให้สามารถใส่โชว์ควบคู่กับเสื้อผ้าชิ้นนอกได้ ที่ตรงกับความต้องการของวัยรุ่น คนทำงานที่ชอบความหรูหราและเซ็กซี่ หรือ การจับมือกับค่ายโซนี่ พิกเจอร์เปิดตัวคอลเลกชั่น "Wacoal Bewitched" ซึ่งเป็นการทำตลาดด้วยมูฟวี่ มาร์เก็ตติ้ง (Movie Marketing) เป็นครั้งแรกของวงการชุดชั้นใน สำหรับเจาะกลุ่มเด็กและวัยรุ่นเป็นหลัก เพื่อสร้างเป็นฐานลูกค้าในอนาคตด้วย
"พฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในของผู้หญิงตอนนี้เปลี่ยนเร็วขึ้น เพราะมีแฟชั่นเข้ามาเป็นตัวกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา กลุ่มคนทำงานที่เฉลี่ยซื้อ 1 ครั้ง ต่อ 1 เดือน ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่จะเปลี่ยนแบบยาก เพราะติดรูปทรงเดิมๆ ทำให้การซื้อมีค่าเฉลี่ยน้อยกว่า โดยปัจจุบันวาโก้มีลูกค้ากลุ่มผู้ใหญ่ 70% กลุ่มเด็กและวัยรุ่น 30% แต่อนาคต วาโก้จะไม่มีการกำหนดอายุแล้ว เพราะแฟชั่นกับเซ็กซี่ใครก็ใส่ได้" เป็นคำกล่าว ของ อำนวย บำรุงวงศ์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์วาโก้ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
เป็นไปได้ว่า ที่ผ่านมาวาโก้เน้นการสื่อสารเรื่องฟังก์ชั่น (Function) สินค้ากับผู้บริโภคเป็นหลัก ทำให้ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นมองว่าวาโก้เป็นสินค้าสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ หรือคนที่หน้าอกขนาดใหญ่เท่านั้น ตอนนี้ วาโก้จึงหันมาสื่อสารเรื่องอีโมชั่น (Emotion) มากขึ้น เพื่อให้เห็นว่าวาโก้เป็นชุดชั้นในที่อิงแฟชั่น ที่พร้อมด้วยฟังก์ชั่นสามารถรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ได้
อำนวย กล่าวต่อว่า "ถ้าเราแข่งขันเรื่องฟังก์ชั่นของสินค้าเพียงอย่างเดียว เราจะได้ลูกค้าที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าเราเน้นเรื่องอีโมชั่น กับภาพลักษณ์ด้วย จะทำให้ลูกค้ากลุ่มเด็ก วัยรุ่นเห็นภาพและเกิดความอยากได้มากขึ้น ทำให้ตอนนี้บริษัทหันมาเน้นเรื่องการสำรวจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าก่อนออกสินค้ารุ่นใหม่"
จากการสำรวจ ความต้องการของผู้บริโภค พบว่า ผู้หญิงกว่า 75% ยังไม่พอใจลักษณะอกของตนเอง และ 80% ต้องการมีเนินอกที่อวบอิ่มเพื่อแสดงถึงความเซ็กซี่ ดังนั้น วาโก้ จึงเน้นผลิตบราเซียร์ทรงเศษ 3 ส่วน 4 เพราะเป็นทรงที่จะสนองความต้องการของลูกค้าตอนนี้ได้ดีสุดทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะคนไทย เห็นได้จากคอลเลคชั่น Sexy 3D ที่คิดและออกแบบในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อคนไทยเป็นหลัก แต่สามารถนำส่งไปจำหน่ายยังอเมริกา หรือญี่ปุ่นที่เป็นบริษัทแม่ของวาโก้ได้อีกด้วย ซึ่งคิดเป็น 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมด
ล่าสุด เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดและให้ผู้บริโภคเข้าใจฟังก์ชั่นของสินค้าและเห็นภาพมากขึ้น วาโก้ได้เปิดตัวกลยุทธ์รูปแบบใหม่ คือ การส่งทัพ "Intimate Advisor" จำนวนกว่า 20 คน ไว้คอยบริการลูกค้า ณ จุดขายทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อแนะนำชุดชั้นในรุ่น Sexy 3D เป็นที่ปรึกษาเรื่องสรีระ การเลือกชุดชั้นในที่เหมาะกับเสื้อผ้าภายนอก พร้อมสาธิตใส่ผลิตภัณฑ์โชว์ลูกค้าได้ นอกจากจะช่วยให้เข้าใจเรื่องฟังก์ชั่นแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าต้องการทดลอง (Fitting) ด้วยตนเองมากขึ้น เพราะเป็นไปได้ว่าเมื่อลูกค้าได้ฟิตติ้งแล้ว การตัดสินซื้อย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า โดยกลยุทธ์นี้นำมาจากงาน Exhibition ในประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีการนำพนักงานมาใส่สินค้าโชว์เมื่อลูกค้าสนใจ ซึ่งสาวIntimate Advisor ที่มาให้บริการนั้นจะแต่งกายโดดเด่นจากพนักงานขายทั่วไป โดยจะเน้นเสื้อผ้าแฟชั่นที่พรีเซ็นต์สินค้าได้อย่างชัดเจน
"ที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้ากว่า 50% ไม่ชองฟิตติ้ง ส่วนหนึ่งเพราะความคุ้นเคย และมั่นใจว่าสรีระไม่เปลี่ยน แต่ทีม Intimate Advisor จำนวน 20 คนที่วาโก้จะทดลองให้บริการก่อนเป็นเวลา 3 เดือน คาดว่าจะช่วยให้ลูกค้าจำนวนนี้เกิดการฟิตติ้งได้ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่ายอดขายก็ต้องเพิ่มขึ้น 100% ด้วย ขณะที่ลูกค้าจะได้ชุดชั้นในที่เหมาะกับสรีระมากที่สุด ซึ่งหากได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ก็จะทำขยายเพิ่มเป็น 40 - 50 จุดจากสาขาทั้งหมด 400 จุดทั่วประเทศ"
นอกจากนี้ วาโก้ได้มีการพิมพ์แคตตาล็อกจำนวนกว่า 10,000 เล่ม สำหรับแจกลูกค้า พร้อมใช้สื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์อื่นๆ เช่น นิตยสาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อสื่อภาพลักษณ์ในเชิงอีโมชั่นเป็นหลัก ขณะที่ ณ จุดขายจะเน้นเรื่องฟังก์ชั่นอย่างชัดเจน ภายใต้งบการตลาดรวมกว่า 60 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาท ในปี 2549 พร้อมการเปิดตัวคอลเลคชั่นไดมอน อินทิเมซี่ รุ่น 2 ต่อด้วย
สำหรับ การจำหน่ายในไทย ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ วาโก้ได้ทดลองตลาดไปแล้วกว่า 10 วัน ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จนผู้คุมบังเหียนอย่างอำนวย มั่นใจว่า ชุดชั้นในคอลเลคชั่นนี้จะมียอดขายมากกว่า 300 ล้านบาทต่อปี เพิ่มจากเดิมที่ชุดชั้นในแบบเศษ 3 ส่วน 4 ทำรายได้รวมประมาณ 500 ล้านบาท จากยอดขายรวมทั้งหมดของวาโก้ที่ปีนี้คาดว่าจะสูงถึง 3,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10%
|
|
|
|
|