กระเช้าของขวัญโตสวนกระแส ท็อปส์ ยันปีนี้ตลาดยังคึกคักแม้จะแข่งขันแรง แถมคนยังตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น ตั้งเป้ายอดขายกระเช้าปีนี้โต 20% เผยข้อมูลจากสมาชิก สปอร์ต รีวอร์ด พบตลาดบนมีกำลังซื้อ ส่งกระเช้าแพงสุด 1.8 แสนบาท ชิมลาง
นางจิรนันท์ ผู้พัฒน์รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า จัดซื้อ และการตลาด บริษัท เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดกระเช้าของขวัญปีใหม่ สำหรับปีนี้ยังคึกคักเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา โดยกำลังซื้อไม่ได้ลดลง และมองว่ากลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อก็เร็วขึ้นด้วย วัดได้จากเมื่อบริษัทได้ออกโบว์ชัวร์กระเช้าของขวัญ แจกจ่ายให้ลูกค้าทั่วไป และ สมาชิกผู้ถือบัตร สปอร์ต รีวอร์ด ก็เริ่มมียอดสั่งจองเข้ามาบ้างแล้ว และโดยเฉลี่ยพบว่าลูกค้ามีกำลังซื้อที่จะจับจ่ายกระเช้าของขวัญในราคาที่เพิ่มขึ้น 7-10%ต่อกระเช้า ซึ่งราคากระเช้าที่คาดว่าจะได้รับความนิยมซื้อมากที่สุดจะอยู่ระหว่าง 1,500-3,500 บาท
สำหรับปีนี้ ท็อปส์ , มาร์เก็ตเพลส และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ เตรียมกระเช้าของขวัญปีใหม่ ให้ลูกค้าได้มาเลือกสรร รวมกันกว่า 300 รูปแบบ ราคาตั้งแต่ 399 –180,600 บาท ต่อกระเช้า จากปีก่อนที่มีประมาณ 220 รูปแบบราคาเริ่มที่ 399 – 13,000 บาทต่อกระเช้า ทั้งนี้กลยุทธสำคัญโดยชู 4 จุดแข็งเพื่อเป็นจุดขายให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อคือ
1. ดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม เน้นการตกแต่งสวยงาม เฉดสีตรงกับเทรนด์ยอดนิยม
2.วาไรตี้ คือความหลากหลาย คือมีกระเช้าที่บรรจุสินค้าในหลายรูปแบบ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น ครอบครัว บริษัท ผู้รักสุขภาพ ผู้ชอบทำอาหาร ผู้ชอบไวน์ หรือไลฟสไตล์อื่นๆ เป็นต้น
3.คุณภาพ เน้นความสด ใหม่ ของสินค้าทุกรายการ มีวันที่ผลิต และหมดอายุระบุทุกกระเช้า
4.โซลูชั่น หรือการให้บริการครบวงจร นอกเหนือจากกระเช้าของขวัญ ยังมีอาหารแบบเทคโฮม สำหรับจัดงานปาร์ตี้ รับห่อของขวัญ และสินค้าอื่นๆที่เกี่ยวกับจัดงานรื่นเริง
ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายกระเช้าของขวัญเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งปีก่อนมูลค่าตลาดรวมกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อยู่ที่ 600-700 ล้านบาท บริษัทเรามีส่วนแบ่งตลาดที่ 30-40% ในส่วนของราคาสินค้าต่อกระเช้ามองว่าไม่แตกต่างจากปีก่อน เพราะเราเซ็นสัญญากับซัพพลายเออร์ ซื้อสินค้าในราคา ณวันเซ็นสัญญา ไม่ใช่ราคาสินค้าช่วงสิ้นปีที่จะปรับราคาขึ้น
“ยอมรับว่าการแข่งขันปีนี้รุนแรงขึ้น ซึ่งผู้ค้าก็จะใช้กลยุทธ์ราคาและโปรโมชั่นเข้ามาดึงดูดความสนใจ และสำหรับท็อปส์ เราจะแข่งกับตัวเอง เน้นสินค้ามีคุณภาพและตอบความต้องการลูกค้าได้ครบทุกเซกเมนต์ จะเห็นได้ว่า ปีนี้เรามีกระเช้าราคาสูงสุดถึง 180,600 บาท เพราะจากผลการสำรวจตลาด พบว่า มีลุกค้ากลุ่มนี้จริงๆ ที่ต้องการสินค้าดีระดับที่หนึ่ง เพื่อมาเป็นของขวัญในเทศกาลส่งความสุขนี้ คาดมียอดขาย 2-3 กระเช้า ซึ่งปีก่อนเราจัดกระเช้าราคา 13,000 บาท แต่สินค้าไม่พอขาย ปีนี้เรามีฐานข้อมูลของสมาชิกสปอร์ต รีวอร์ด ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่า กระเช้าที่ราคาแพงจะขายได้มากขึ้น โดย 70% ของลูกค้าที่ซื้อกระเช้า จะเป็นสมาชิก สปอร์ต รีวอร์ด และ 30% เป็นลูกค้าทั่วไป ”
ปัจจุบันเรามียอดสมาชิกบัตร สปอร์ต รีวอร์ด กว่า 2.1 ล้านคน ซึ่งจากข้อมูลการจับจ่ายสินค้า ทำให้เราทราบถึงพฤติกรรม แบรนด์สินค้ายอดนิยม และไลฟสไตล์ ของลูกค้ามากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถจัดกระเช้าได้ตรงตามความต้องการ โดยปีนี้ ลูกค้ายังคงให้ความสำคัญกับการซื้อกระเช้าและสินค้าเพื่อสุขภาพ และอาหารสำเร็จรูป ซึ่งปีก่อนเติบโต กว่า 100% และปีนี้ก็น่าจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีก่อน สำหรับสัดส่วนยอดขายกระเช้า ที่เป็นสินค้าสุขภาพและอาหารสำเร็จรูป รวมกันจะไม่น้อยกว่า 25%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยอดขายสินค้าโดยรวมทั้งปีของบริษัท ยืนยันไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20% โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ท็อปส์ มียอดขายเติบโต 30% ส่วนหนึ่งเพราะการเพิ่มสาขา ล่าสุดเราปีสาขารวม 82 สาขา ถึงสิ้นปีจะเปิดครบ 86 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด แบ่งเป็น ท็อปส์ 71 สาขา มาร์เก็ตเพลส 14 สาขา และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 1 สาขา สำหรับแผนปีหน้า จะทำการรีเฟรช และรีโนเวต สาขาเก่าที่มีอยู่
|