Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 พฤศจิกายน 2548
ลุ้นยูโอบีเคย์เฮียนเทรดวันนี้             
 


   
search resources

ยูโอบี เคย์เฮียน,บมจ.
Stock Exchange




ยูโอบี เคย์เฮียน เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ฟาร์อีสท์ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2548 ที่ 7.60 บาท และปี 2549 ที่ 8.10 บาท ส่วน บล.ดีบีเอสฯ ให้ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานเท่ากับ 9.15 บาท คิดจากพีอีในปี 2549 ที่ระดับ 15.0 เท่า

วันนี้(22พ.ย.) หุ้นบริษัทยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เป็นวันแรก โดยจดทะเบียนในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “UOBKH”

สำหรับ UOBKH ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ 4 ประเภท คือ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการลงทุน รวมทั้งยังได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินและตัวแทนสนับสนุนการขายหรือซื้อคือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 มีสำนักงานสาขา 11 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 5 แห่ง และต่างจังหวัด 6 แห่ง

ปัจจุบัน UOBKH มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 325 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 250 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท บริษัทได้จำหน่ายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกหรือไอพีโอ (IPO: Initial Public Offering) จำนวน 30 ล้านหุ้น และจัดสรรแก่ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 35 ล้านหุ้น นอกจากนี้ยังได้จัดสรรแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัทจำนวน 10 ล้านหุ้น ในราคาที่เท่ากันหุ้นละ 6.20 บาท

ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟาร์อีสท์ จำกัด ประเมินมูลค่าเหมาะสม UOBKHตามปัจจัยพื้นฐานปี 2548 และปี 2549 ที่ 7.60 บาท และ 8.10 บาท ตามลำดับ โดยอิงจาก Prospective PER ที่ 11 เท่า เข้ามาจดทะเบียนในตลาดฯ มากขึ้น

บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำซื้อ UOBKH โดยประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2548 และปี 2549 ไว้ที่ 188 ล้านบาท และ 199 ล้านบาท โดยมีสมมติฐานที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 17.3 และ 20 พันล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 2.88% และ 2.80% ตามลำดับ และมีราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานเท่ากับ 9.15 บาท คิดจากพีอีในปี 2549 ที่ระดับ 15.0 เท่า

ทั้งนี้ UOBKH เดิมชื่อ บริษัทหลักทรัพย์ มหาสมุทร จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2541 เป็น Broker หมายเลข 26 ซึ่งในปี 2543 ได้จำหน่ายหุ้นให้กับทาง ยูไนเต็ด อินเวสเมนท์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มยูโอบี ที่ประเทศสิงคโปร์ และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด และต่อมามีการรวมตัวกันทางธุรกิจระหว่างยูโอบี ซีเคียวริตี้ส์ และเคย์เฮียน โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ทำให้ในปี 2544 ทางยูโอบี เคย์เฮียน โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด เข้าถือหุ้นใน 99.99% ใน UOBKH และในปีเดียวกันนี้ ได้ซื้อธุรกิจรายย่อยจาก บริษัทหลักทรัพย์บีเอ็นพี พาริบาส์ พีรีกรีน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์จากบริษัทในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

โดยหุ้นจำนวน 10 ล้านหุ้นที่เสนอขายต่อพนักงานของบริษัท ในราคาหุ้นละ 6.20 บาท (ไม่ติด Silent Period) ขณะที่ จำนวน 10 ล้านหุ้นที่เสนอขายต่อกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ในราคาหุ้นละ 6.20 บาท โดยหุ้นดังกล่าวจะติด Silent Period ดังนี้ 25% แรก ติด Silent Period 6 เดือน, 25% ที่สองติด Silent Period 1 ปี และอีก 50% สุดท้ายติด Silent Period 1.5 ปี

สำหรับโครงการในอนาคต UOBKH มีนโยบายจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้อยู่ในระดับประมาณ 3% จากใน 9 เดือนปี 2548 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 2.86% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยายธุรกิจเข้าไปสู่ฐานลูกค้าของกลุ่มบริษัทในเครือ ยูโอบี ซึ่งได้แก่ กลุ่มลูกค้าเงินฝากและสินเชื่อของธนาคาร BOA และ UOBR นอกจากนี้ บริษัทก็จะพัฒนางานทางด้านวาณิชธนกิจให้มากขึ้น เพื่อเสริมรายได้ และสนับสนุนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับบริษัท รวมถึงการพัฒนางานวิจัยให้มีงานวิจัยที่จะคลอบคลุมประมาณ 80-90% ของมูลค่าตลาด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us