Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 พฤศจิกายน 2548
"ภัทรฯ"คืนสังเวียนอสังหาฯ ยึดหลักลงทุนโครงการไม่สูง-สร้างรายได้ยาว             
 


   
search resources

Real Estate
ลักษมันตร์ บุนนาค
ภัทรเรียลเอสเตท




บริษัทอสังหาฯเครือแบงก์กสิกรไทยภายใต้ชื่อ "ภัทร เรียลเอสเตทฯ" หวนคืนสังเวียนธุรกิจอสังหาฯ หลังเก็บเงียบแก้ไขหนี้กว่า 4,000 ล้านบาทหมดเกลี้ยง "ลักษมันตร์ บุนนาค" เปิดใจในรอบ 10 ปี บุกแหล่งท่องเที่ยวเขาใหญ่เปิดโครงการ "มอม่วนหลาย" ทั้งบ้านเดี่ยวระดับหรู-โรงแรม ภายใต้แบรนด์เบลล์วิลล่า พร้อมผลักดันเป็นแบรนด์หัวหอกรุกตลาดโรงแรม ยอมรับเจ็บปวดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ยันวันนี้ภัทรฯไม่ใหญ่แล้ว ย้ำทุกโปรเจกต์ลงทุนไม่สูงและลดพึ่งพาเงินกู้จากแบงก์

หากจะเอ่ยชื่อบริษัท ภัทร เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) แล้ว ถือได้ว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับต้นๆในอุตสาหกรรมนี้ โดยผลงานที่สร้างชื่อเสี่ยงจนสร้างความโด่งดังให้แก่บริษัทภัทรฯมาก่อน หน้านี้ อาทิ การลงทุนพัฒนาโครงการ เมืองไทย ภัทร คอมเพล็กซ์ 2 ตึก ซึ่ง ถือเป็นโครงการระดับบิ๊กโปรเจกต์ในย่านรัชดาภิเษก ด้วยพื้นที่กว่า 2 แสน ตารางเมตร, หรือแม้แต่โครงการใจกลางเมืองที่หลังสวน ชื่อโครงการ "หลังสวนบัลโคนี่" รูปแบบเป็นศูนย์การค้าขนาดเล็ก และเป็นโครงการแรกที่บริษัทได้เปิดให้บริการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เจาะกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น เป็นหลัก, โครงการนิวเฮ้าส์ บริเวณหลังห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเดิมเป็นโครงการของกลุ่มนิว เรียลเอสเตท จำกัด โดยบริษัทภัทรฯได้เข้า ไปซื้อโครงการซึ่งเดิมเป็นโครงการคอนโดมิเนียมมาพัฒนาต่อจำนวน 40 ยูนิต และยังมีการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท โรแยลซีรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ RCI พัฒนาโครงการบ้านสมถวิล ขึ้นมา
เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงนั้นบริษัท ภัทรฯยังได้รุกสู่ตลาดต่างจังหวัดเป็นรายแรกๆ เช่น การลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ริมทะเล ภายใต้แบรนด์ "หาดอู่ทอง" ซึ่งพัฒนาอยู่ 2 โครงการ เช่น โครงการที่พัทยา ถนนพระตำหนัก เป็นคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น และโครงการที่หัวหิน ห่างจากสนามบินเพียง 3 กิโลเมตร คอนโดฯสูง 14 ชั้น รวมแล้วโครงการ ที่บริษัทได้ลงทุนมีมูลค่าใกล้ 10,000 ล้านบาท

นายลักษมันตร์ บุนนาค ประธาน กรรมการบริษัท ภัทรฯ เปิดเผยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาว่า ตลอดระยระเวลาที่ผ่านมา หลังจากบริษัทประสบปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ภาระหนี้สินของบริษัทสูงขึ้นหลายเท่าตัว โดยในช่วงนั้นหนี้ของบริษัทสูงขึ้นถึง 4,000-5,000 ล้านบาท โดยบริษัทต้องหันมาเร่งสะสางหนี้ตาม แผนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจากเดิมมีสัดส่วนเพียง 10% เพิ่มเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 60% ขณะที่ฐานะการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้มีทุนชำระแล้ว 4,800 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทไม่มีภาระ หนี้สินแต่อย่างใด

"หลังจากที่หนี้ของบริษัทไม่มี โดยการตีทรัพย์ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เช่น อาคารเมืองไทย ภัทร คอมเพล็กซ์ ให้แก่แบงก์กสิกรไทย และบริษัทก็บริหารโครงการให้แก่ธนาคารซึ่งเป็นสัญญาปีต่อปี มาตั้งแต่ปี 2543 เนื่องจากตามกฎการควบคุมสถาบันการเงิน ห้ามธนาคารพาณิชย์ทำธุรกิจ นอกเหนือจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ การทำสัญญาปีต่อปี เพื่อสร้างความโปร่งใส และหามืออาชีพมา บริหาร ซึ่งธนาคารกสิกรไทยยึดหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทมีฐานะที่ดีขึ้น และเริ่มหันมาทำตลาดอย่างจริงจัง ใช่ว่าจะยังคงยึดหลักการลงทุนจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน เพราะแนวทางธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนไป เรามีประสบการณ์ จากอดีตสอนให้รู้ และจากนี้ไปต้องเดินธุรกิจด้วยความอนุรักษนิยมมากขึ้น เรายอมรับว่าภัทรเคยยิ่งใหญ่ แต่ เดี่ยวนี้เล็กมากๆ" นายลักษมันตร์กล่าว
โดยในปีนี้ จะถือเป็นปีที่บริษัทจะบุกเบิกโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว หลังจากก่อนหน้านี้จะเป็นการลงทุนโครงการขนาดเล็กๆในต่างจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้เงินทุนของบริษัทพัฒนาโครงการ และไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินแต่อย่างใด ทั้งนี้ โครงการที่จะเปิดตัว อย่างเป็นทางการจะมีชื่อ "มอม่วนหลาย" รูปแบบหมู่บ้านและรีสอร์ตเขาใหญ่ ซึ่งได้ประมูลที่ดินมาจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยโครงการ ตั้งอยู่ก่อนถึงโครงการจุลดิศ เขาใหญ่ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร พื้นที่โครงการ กว่า 20 ไร่ เฟสแรกจะเป็นบ้านเดี่ยวกึ่งโมเดิร์น 1-2 ชั้น จำนวน 32 ยูนิต ขนาด 100 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 5.5-6.5 ล้านบาท และขณะนี้มีลูกค้าเก่าจองไปแล้วกว่า 10 ยูนิต

ในส่วนเฟสที่สอง จะเป็นรูปแบบ โรงแรมภายใต้ชื่อแบรนด์ "เบลล์วิลล่า" ประมาณ 40 ยูนิต ราคาห้องพักประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อห้องต่อ คืน คาดว่าทั้งโครงการจะพัฒนาแล้วเสร็จประมาณปีกว่า มูลค่าโครงการรวมกว่า 250 ล้านบาท

"ในช่วงที่ผ่านมา การทำโครงการ ของภัทร จะลดน้ำหนักการทำโครงการ ขายแล้วมาเริ่มใหม่ แต่จะเป็นการพัฒนาโครงการที่มุ่งรายได้ระยะยาว เช่น โครงการโรงแรม ซึ่งจะพยายามสร้างชื่อแบรดน์ เบลล์วิลล่าให้ติดตลาดมากขึ้น ซึ่งรูปแบบจะเป็นการลงทุนในแต่ละโครงการไม่เกิน 100 ล้านบาท ลักษณะบูติกโฮเต็ล จำนวนห้องไม่มาก แต่ให้บริการอย่างทั่วถึง ไม่ใช่เป็นโรงแรมเพื่อธุรกิจโดยตรง และจะเป็นการบริหารงานเองทั้งหมด แม้จะไม่ใช่โรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ทุก โครงการที่เลือกจะต้องมีธรรมชาติดี ทำให้บรรยากาศเหมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว" นายลักษมันตร์กล่าว

อนึ่ง ในช่วงปี 2537-2538 บริษัท ได้มีการลงทุนในโครงการหลายแห่ง อาทิ โครงการ "ม่อนม่วนใจ๋" ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 30-40 ไร่ เป็นแบบบ้านเดี่ยว จำนวน 60 ยูนิต ราคา 3-4 ล้านบาท มูลค่าขายประมาณ 100-200 ล้านบาท และยังได้นำคลับเฮาส์ภายในโครงการมาปรับรูปแบบเป็นโรงแรมประมาณ 30 ห้อง ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างมาก ทำให้ต้องมีการลงทุนขยายห้องพักเป็น 70-80 ห้อง ราคาห้องพัก 4,000-5,000 บาทต่อห้องต่อคืน หลังจากนั้นในช่วงปี 2545 ได้รุกไปพัฒนาโครงการที่อำเภอ ปาย จ.แม่ฮ่องสอน พัฒนาเป็นโรงแรม ขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์เบลล์วิลล่า เนื้อที่ 30 ไร่ จำนวน 30 ห้อง ราคาห้องพัก 4,000-5,000 บาทต่อคนต่อคืน เป็นต้น สนที่ดินติดริมทะเล

นายลักษมันตร์กล่าวต่อว่า นอกจากที่ดินที่ติดธรรมชาติเช่นภูเขาแล้ว ที่ดินติดริมทะเลก็เป็นอีกแหล่งที่บริษัทกำลังให้ความสนใจ ซึ่งบริษัทเคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่พัทยาและหัวหินมาก่อนหน้านี้ โดยที่ดินติดทะเลเหมาะจะพัฒนาเป็นโรงแรม เพราะด้วยข้อจำกัดของเนื้อที่และราคาที่ดินที่สูง ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนตัดสินใจ แต่ทุกโครงการที่เป็นโรงแรมจะอยู่ภายใต้แบรนด์เบลล์วิลล่า

"การมีโครงการที่ทำรายได้ระยะยาวให้แก่บริษัท หากมองในด้านการลงทุนแล้วถือว่าดีกับบริษัท เนื่องจากอย่าลืมว่า การพัฒนาโครงการอสังหาฯจะต้องมีที่ดินและเงินทุนเยอะ และเมื่อขายหมดก็ต้องมาเหนื่อยกับโครงการใหม่ หาที่ดินแปลง ใหม่มาทำกัน ขณะที่ยังมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ มองว่าพัฒนาโครงการได้ง่าย เพียงแต่หามืออาชีพมาบริหารตั้งแต่ต้นจนจบก็โอเคแล้ว แต่หลักใน ความเป็นจริงแล้วไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หลายรายก็ได้รับบทเรียนอันแสนแพง มาแล้ว ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ คงไม่สามารถ พัฒนาโครงการขนาดเล็กได้ เพราะต้องสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและสร้างอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us