|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลท.ยอมรับมีนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องเข้าลงทุนแบบเก็ง กำไรในตลาดหุ้นผ่านนอมินี และยังพบว่าเป็นหุ้นที่ ตลท.ใช้มาตรการ "มาร์จิ้น-เน็ตเซตเทิลเมนต์" ยันนโยบายตรวจสอบใช้แนวปฏิบัติเดียวกันหมด ไม่เลือกปฏิบัติ ด้าน "กิตติรัตน์" หนุนรัฐแปรรูปรัฐวิสาหกิจถือหุ้นใหญ่ 75% วอนเข้าใจ การระดมทุนเข้าตลาดหุ้นให้ถูก มุ่งสร้างฐานความรู้ให้นักลงทุนต่อเนื่อง ด้าน "ก้องเกียรติ" แนะรัฐปล่อยหุ้นรัฐวิสาหกิจออกมาได้อีกหากราคาดี
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่ามีนักการเมืองซึ่งนามสกุลเป็นที่รู้จักเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยการลงทุนทำในลักษณะ ผ่าน(นอมินี) หรือ ตัวแทน ไม่ใช้ชื่อตนเองลงทุนโดยตรง นอกจากนี้หุ้นที่เข้าลงทุนจะเป็นหุ้นเก็งกำไรและหุ้นที่ ตลท.ใช้มาตรการสกัดความร้อนแรง โดยสั่งห้ามซื้อขายด้วยมาร์จิ้นและหักกลบหรือเน็ตเซตเทิลเมนต์ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองนั้นสามารถที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นได้เหมือนกับนักลงทุนโดยทั่วไป ส่วน บางบริษัทที่ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับนักการเมือง
นายสุภกิจ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯตรวจสอบหุ้นทุกตัวไม่มีการยกเว้นว่าหุ้นนั้นจะเกี่ยวข้องกับการ เมืองหรือไม่ โดยการตรวจสอบใช้แนวทางเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีคำสั่งจากทางการเมืองแต่อย่างใด
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนหน้านี้นักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องได้ชะลอการซื้อขายในตลาดหุ้นหลังจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลท. จับตา ใกล้ชิด ซึ่งจะเห็นได้จากหุ้น บมจ. ปิคนิค (PICNI) ซึ่งเกี่ยวโยงกับนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูก ก.ล.ต. สั่งให้แก้ไขงบการเงินหรือ บมจ.บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (BNT) ซึ่งมี นายพายัพ ชินวัตร เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และราคาปรับตัวขึ้นไม่ปกติ จึงถูก ตลท.สั่งห้ามมาร์จิ้นและเน็ตเซตเทิลเมนต์ในช่วงต้นปี
ทั้งนี้ นายพายัพ ซึ่งมีกระแสข่าวออกมาโดยตลอดว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ลงทุนในลักษณะเก็งกำไรอย่างมาก และเข้าได้ลงทุนในหุ้นประเภทเก็งกำไรหลายตัว และล่าสุด ลงทุนในหุ้น บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)
"กิตติรัตน์" ชี้รัฐถือ รสก. 75% ดี
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงการจัดสรรหุ้นรัฐวิสาหกิจ (รสก.)ในประเทศไทยว่า รัฐบาล กำหนดชัดเจนว่าจะจัดสรรหุ้นรัฐวิสาหกิจในสัดส่วนไม่เกิน 25% โดยที่เหลือ 75% รัฐบาลจะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม บางประเทศ ไม่มีนโยบายนำรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียน ส่วนบางประเทศก็พร้อมเปิด โอกาสให้มีการจัดสรรอย่างเต็มที่ ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนตัวมองว่าสัดส่วนรัฐบาลถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ 75% มีความเหมาะสมแล้ว
ทั้งนี้ การที่นโยบายรัฐบาลยังถือ ครองผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำให้กระบวน การในการบริหารงาน การตัดสินเป็นไปได้อย่างสะดวกขึ้น ซึ่งการที่จะเดินไปข้างหน้าทุกฝ่ายจะต้องมีการระมัดระวังความรู้สึกระหว่างกันด้วย
สำหรับการแบ่งสัดส่วนให้นักลงทุนรายย่อย สถาบัน และต่างประเทศแต่ละประเทศก็อาจจะมีความคิดที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญว่านโยบายจะเป็นอย่างไร เราจะต้องดำเนินนโยบาย ในทางสายกลาง คนที่คัดค้านบางกลุ่ม กับไม่รู้จักการดำเนินตามทางสายกลาง นายกิตติรัตน์กล่าว
การให้ความรู้ความเข้าใจกับนักลงทุนเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เช่น กรณี ที่ระบุว่า หาก กฟผ. เข้าตลาดหุ้นจะทำให้ค่าไฟฟ้าที่ใช้แพงขึ้น การนำ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เข้าตลาดหุ้นจะทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาถูกลง ซึ่งไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯในฐานะ หน่วยงานที่จะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้นักลงทุน จึงมีนโยบายอย่างต่อเนื่องผ่านมหาวิทยาลัย การจัดกิจกรรมร่วมกัน การมอบมุมหนังสือ (SET Coner) โดยตั้งเป้าว่าภายในต้นปี 2550 จะมอบมุมหนังสือให้มหาวิทยาลัยทั้งของรัฐบาล เอกชน ให้ครบทั่วประเทศ เพื่อวางรากฐานในอนาคต
ส่วนนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกระจายหุ้นให้ประชาชนของรัฐวิสาหกิจในสัดส่วนเท่าไหร่ต้องขึ้นกับนโยบายและความพร้อมของรัฐบาล โดยส่วนตัวเชื่อว่าหากราคาหุ้นปรับขึ้นในระดับที่เหมาะสม การนำหุ้นที่รัฐบาลถือครองอยู่ออก มาขายเพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจก็เป็นเรื่องที่ดี โดยรัฐบาลยังคงถือครองสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 51% มีอำนาจการบริหารงานเต็มที่
ทั้งนี้ ในหลายประเทศการขายหุ้น ของรัฐวิสาหกิจออกมาก็เป็นเรื่องที่ดี "ขายหุ้นมาเพิ่มหุ้นในกระดานก็เป็นเรื่องดี ยิ่งหากได้ราคาที่ดีก็ยิ่งเหมาะสม เพราะอย่างไรอำนาจในการ บริหารงานก็ยังเป็นของรัฐบาลอยู่ดี" นายก้องเกียรติกล่าว
|
|
 |
|
|