|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอสแพ็ค โชว์กำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 22.4% รายได้โต 10.4% หลังโรงงานแห่งใหม่เดินเครื่อง 60% เตรียมขยายกำลังผลิตอีก 5% ในไตรมาส 4 มุ่งพัฒนาสินค้า-หาตลาดเพิ่ม-ลดต้นทุน หวังดันตัวเลขกำไรหลังยอดขายเพิ่มขึ้น คาดการณ์ปีหน้าอัตราการเติบโต 20%
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส.แพ็ค พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษประเภทกล่องกระดาษลูกฟูก และรับจ้างพิมพ์หนังสือ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงผลประกอบการของบริษัท ในไตรมาส 3 ปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25.38 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งกำไรสุทธิ 20.73 ล้านบาท สูงขึ้น 4.65 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 22.43% มาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ คือ รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.41% ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทย่อยได้เริ่มผลิตกระดาษลูกฟูกเอง ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานการค้าไปยังธุรกิจต่าง ๆ ได้มากขึ้น
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 8.95 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.45% เป็นผลจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ดี ด้วยการชำระวัตถุดิบเป็นเงินสด ทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่มีส่วนลดและบริษัทย่อยได้เริ่มผลิตกระดาษลูกฟูกเอง ส่วนรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 1.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.99% เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และอื่น ๆ
"ยอดขายเราเพิ่มขึ้น จากจำนวนลูกค้าเราเพิ่มขึ้น ชนิดสินค้าเพิ่มขึ้น หลังจากโรงงานแห่งใหม่เริ่มเดินเครื่อง 60% ของกำลังผลิต ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องกระดาษลูกฟูก โรงงานใหม่นี้เริ่มเดินเครื่องในลักษณะเทสรันมาตั้งแต่เดือนมี.ค. ถึง มิ.ย. และมาเริ่มผลิตเพื่อพาณิชย์ในเดือนก.ค. ส.ค.และก.ย.ที่ผ่านมา"
นายยุทธ กล่าวต่อว่า บริษัทยังจะพยายามปรับปรุงคุณภาพสินค้าต่อไปให้ทันสมัย เพื่อให้ทำกำไรได้เพิ่มขึ้น และคุ้มค่าใช้จ่าย นอกจากนี้จะสร้างตลาดเพื่อเพิ่มลูกค้า โดยจะเพิ่มกำลังผลิตซึ่งในไตรมาสสี่น่าจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกประมาณ 5% เป็น 65% ได้
นอกจากนี้ การส่งออกในไตรมาส 3 ที่ดีขึ้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ได้รับผลดีไปด้วย โดยในไตรมาส 4 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 10% และคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 20% ได้จากการควบคุมต้นทุนรวมถึงพยายามหาลูกค้าเพิ่ม
สำหรับปีหน้ามองว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ยังเติบโตได้เรื่อย ๆ โดยคาดว่าปี 2549 บริษัทน่าจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2548 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของบริษัทในปีหน้าจะโตได้ 20% ในขณะที่อุสาหกรรมส่งออกที่เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์จะเติบโต 7-8%
อนึ่ง ฐานะทางการเงินของบริษัทในไตรมาส3/48 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 972.5 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 925.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% ด้านหนี้สินรวมในไตรมาส3/448 อยู่ที่ 244.5 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยูที่ 218.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% ส่วนของผู้ถือหุ้นในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 728 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 707.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9%
ทั้งนี้รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 249.3 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 225.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เนื่องจากโรงงานลูกฟูกแห่งใหม่เริ่มมีลูกค้าและคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อไป กำไรสุทธิในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 25.4 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 20.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.4% จากต้นทุนที่ลดลงเพราะการผลิตกระดาษลูกฟูกเองที่กรุงเทพและจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นกำไรต่อหุ้นในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 0.11 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 0.37 บาทต่อหุ้น
|
|
|
|
|