|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดีแทคเห็นด้วยกับพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่ให้ต่างชาติถือหุ้น 49% ยันเป็นอุตสาหกรรมที่ลงทุนสูงและต่อเนื่อง ไม่มีบริษัทโลคัลลงทุนเองได้ 100%
นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ให้ต่างชาติถือหุ้น 49% ว่า การเพิ่มสัดส่วนต่างชาติถือหุ้นเป็น 49% จะไม่ส่งผลบกระทบกับโอเปอรเตอร์รายปัจจุบันที่มีอยู่ แต่จะมีผลกับรายใหม่ที่สนใจจะเข้าสู่ตลาดมากกว่าที่จะต้องปฏิบัติแนวทางเดียวกัน เนื่องจากเทเลนอร์ในการเข้ามาถือหุ้นในดีแทคไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมตั้งแต่ปี 2000 ก็เต็มสัดส่วน 49% ตามที่กฎหมายกำหนดในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมมีผลบังคับใช้ในปี 2002 กลับบังคับให้มีสัดส่วนถือหุ้นเพียง 25% ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้เพราะธุรกิจโทรคมนาคมจำเป็นต้องลงทุนสูง
“การแก้เรื่องถือหุ้นเป็น 49% เป็นสิ่งที่ถูกต้องและเราเห็นด้วย”
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานบริหารดีแทคกล่าวว่า การมีพาร์ตเนอร์ต่างชาติเป็นเรื่องจำเป็น เพราะธุรกิจโทรคมนาคมต่างจากธุรกิจอื่นอย่างทีวี ที่ลงทุนครั้งเดียว จะมีคนดูเพิ่มขึ้นอีกสัก 1 ล้านคนก็ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ในขณะที่ธุรกิจโทรคมนาคมอย่างโทรศัพท์มือถือ หากมีลูกค้าเพิ่ม 1 ล้านคนก็ต้องลงทุนเน็ตเวิร์กเพิ่ม หรือเมื่อมีการเปลี่ยนเทคโนโลยีก็ต้องมีการลงทุนเพิ่ม
นอกจากนี้ ขนาดตลาดของธุรกิจโทรคมนาคมใหญ่เกินกว่าบริษัทโลคัลจะลงทุนเองทั้งหมด รวมทั้งการที่ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนก็จะทำให้มูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมนี้เติบโตขึ้นอย่างมาก
สิ่งที่รัฐควรให้ความสำคัญไม่ใช่เรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติ แต่ควรดูแลเรื่องความเป็นธรรมในการแข่งขันเสรี และเรื่องคุณภาพของบริการที่ประชาชนจะได้รับ
“ประชาชนไม่สนใจว่าจะเป็นคนไทยหรือฝรั่ง ขอเพียงให้ได้ใช้โทรศัพท์ได้ดีก็พอ”
เขาเปรียบกับธุรกิจค้าปลีกทั้งเทสโก้ โลตัส และคาร์ฟูร์ ที่เป็นการแข่งขันของต่างชาติในประเทศไทย ที่แข่งกันจนปัจจุบันราคาสินค้ามีการลดลง ในขณะที่รัฐควรเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการฮั้วราคากันขึ้น
|
|
|
|
|