|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทรูขาดทุนไตรมาส 3 สุทธิ 732 ล้านบาทลดลงจากไตรมาส 2 ที่ขาดทุนสุทธิ 964 ล้านบาทโดยส่วนใหญ่เป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับบริการที่มีการเติบโตสูง ซึ่งประกอบด้วย ทีเอ ออเร้นจ์ บริการบรอดแบนด์ สำหรับลูกค้าทั่วไป บริการสื่อสารข้อมูล และบริการอินเทอร์เน็ต พร้อมกับการ ควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน
"คาดว่าทีเอ ออเร้นจ์ จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4 นี้ และจะมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2549 หลังจากที่โปรโมชันราคาต่ำสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคมนี้ โดยทีเอ ออเร้นจ์จะสามารถบรรลุเป้าหมายจำนวนผู้ใช้บริการ 4.2 ล้านรายได้ภายในสิ้นปี 2548 และจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาส 1 ปี 2549 หากราคาไม่เปลี่ยนแปลง"
นอกจากนั้น ในกลุ่มบริการ Non Voice ของทีเอ ออเร้นจ์ก็มีการเติบโตสูง โดยในระยะเวลา 8 เดือนแรกนับจากการเปิดให้บริการ "Color Ring" ซึ่งเป็นบริการเสียงรอสาย มีผู้สมัครใช้บริการนี้มากกว่า 20% ของลูกค้าทั้งหมด ทำให้รายได้จากบริการเหล่านี้เพิ่มขึ้น และมีสัดส่วนคิดเป็น 6.7% ของรายได้รวมของทีเอ ออเร้นจ์ จาก 5% ในไตรมาส 2
เช่นเดียวกับธุรกิจบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น 5.8% เป็น 499 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ทั้งสิ้น 1.4 พันล้านบาท โดยรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการมีระดับคงที่ เทียบกับไตรมาสที่แล้วที่ 739 บาท และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิ 49,731 รายในไตรมาสนี้ เปรียบเทียบกับ 36,394 รายในไตรมาส 2 ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการ รวมทั้งสิ้น 294,713 ราย และมีส่วนแบ่งตลาด 85% เชื่อซื้อ UBC ช่วยเสริมแกร่ง
ก่อนหน้านี้ (4 พ.ย. 2548) คณะกรรมการของบริษัททรู คอร์ปอเรชันได้มีมติตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้น UBC 30.6% จากบริษัท MIH และจะทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ของยูบีซี 29.3% และในขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติตกลงเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท MKSC จากบริษัท MIH ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัท เคเอสซี ประมาณ 40% นั้นนายศุภชัยกล่าวว่า การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นการสานต่อวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัททรู ในการเป็นผู้ให้บริการสื่อสารครบวงจรหนึ่งเดียวที่ตอบสนอง และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ตรงใจลูกค้า เข้าสู่การเป็นผู้นำไลฟ์สไตล์และ Conver-gence Player รวมทั้งเป็นผู้นำบริการ เสียง ข้อมูล และภาพ (Triple Player)
"แผนการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ยูบีซี จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับทรู ในการให้บริการบรอดแบนด์ และเคเบิลทีวีในประเทศ สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยีของโลก ด้วยเหตุผลว่ากลุ่มข้อมูล คอนเทนต์ และบริการ non voice ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการขยายตัวมากที่สุดของบริษัทฯ"
นอกจากนั้นนายศุภชัยยังกล่าวว่า "การให้บริการด้านคอนเทนต์ ใหม่ผ่านเว็บไซต์พอร์ทัล trueworld. net ซึ่งได้มีการเปิดตัวไปแล้วในไตรมาส 3 ถือเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์ของทรูในการผสมผสานบริการ ด้านคอนเทนต์แก่ลูกค้าทุกระบบ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างความ เติบโตให้แก่ธุรกิจบรอดแบนด์ของบริษัทในอนาคต"
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กล่าวเสริมว่า ทรูได้ดำเนินการลดหนี้สินอย่างต่อเนื่อง โดยได้ชำระคืนหนี้รวมกว่า 1.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ทำให้มียอดชำระคืนหนี้รวมทั้งสิ้น 2.7 พันล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA สำหรับงวด 9 เดือนแรกลดลงเป็น 4.8 เท่า จาก 6.0 เท่า ณ ปลายปี 2547
"ทรูยังคงมีเงินสดเพียงพอสำหรับรายจ่ายลงทุนในปีนี้ โดย ณ สิ้นไตรมาส บริษัทฯ มีเงินสดรวมจำนวน 6.5 พันล้านบาท รวมเงินสดจาก ทีเอ ออเร้นจ์ จำนวน 2.3 พันล้านบาท"
|
|
|
|
|