รพ.ไทยนครินทร์ เตรียมขาย IPO 30 ล้านหุ้นเดือนนี้ สรุปราคาขาย 15 พฤศจิกายนนี้ก่อนเทรดเดือนหน้า เผยจุดประสงค์หลักเพื่อได้ประโยชน์ทางภาษี ส่วนเงินที่ได้จะนำไปปรับปรุงพื้นที่โรงพยาบาลและชำระหนี้ พร้อมตั้งเป้ากำไรปีนี้ทะยาน 60% และรายได้ระยะเวลา 2 ปีนี้ยังเติบโตที่ 12%

นายจาตุพร สีหนาทกถากุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาล ไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) (TNH)กล่าวว่า บริษัทเตรียมจะเสนอ ขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (IPO) 30 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนด้วยเป้าหมายหลักคือการได้ประโยชน์ทางภาษี จึงต้องการขายหุ้น IPO และเทรดให้ทันปีนี้ ซึ่งราคาหุ้นจะสรุปได้ในที่ประชุมบอร์ด 15 พฤศจิกายนนี้ก่อนที่จะเสนอขายในปลายเดือนหรือต้นเดือนธันวาคมพร้อมเข้าเทรดก่อนสิ้นปี

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นที่ ในโรงพยาบาลและซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท ที่เหลือจะนำไป ชำระหนี้เพื่อบริหารโครงสร้างหนี้ให้ดีขึ้น โดยปี 49 จะใช้ทุนประมาณ 15 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่บริษัทมีเงินกู้ยืม 200 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5.75% ซึ่งจะครบกำหนดชำระปี 2551

นางอำไพ พยัคคง รักษาการผู้อำนวยการบริการ และรองผู้อำนวยการบริหาร TNH เปิดเผยว่า หลังจากเกิดวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 40 บริษัทประสบกับภาวะขาดทุน โดยมีภาระหนี้กว่า 200 ล้านบาท แต่บริษัทก็ผ่านมาได้ด้วยการชำระหนี้ทั้งหมด และสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ในที่สุดเมื่อปี 42 และหลังจากที่เกิดภาวะการแข่งขันสูงในธุรกิจโรงพยาบาล ส่งผลให้บริษัทปรับเปลี่ยนการดำเนินงานมาให้บริการเฉพาะสาขา เนื่องจากปัจจุบันคนไทยบริโภคอาหารฟาสฟู้ดส์มากขึ้น จึงเป็นเหตุให้เกิดโรดดังกล่าว

"การเปิดศูนย์หัวใจและศูนย์ศัลยกรรมและข้อม จึงเป็นเหมือนอีก หนึ่งทางเลือกให้ผู้ป่วย โดยลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท เพราะขณะนี้สนามบินสุวรรณภูมิจะเปิดให้บริการ และการเกิดอุบัติเหตุย่อมมีมากขึ้น ซึ่งไทยนครินทร์ได้เซ็น MOU กับบริษัทท่าอากาศยานไทยไปแล้ว เพื่อรองรับอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น การเปิดศูนย์ศัลยกรรมและข้อจึงจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้" นางอำไพกล่าว

นางอำไพกล่าวว่า จากผลการดำเนินงานของบริษัท หลังจากล้างขาดทุนสะสมแล้วนั้น พบว่ารายได้เติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร โดย กรอสมาร์จิ้นของบริษัทที่ผ่านมาพบว่ามีประมาณ 24-25% และคาดว่าจะเพิ่มถึง 27% ในปี 49 เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยนอกที่มีเกือบ 60% โดย เฉพาะหลังจากที่เปิดศูนย์โรคหัวใจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าเข้ามาวันละถึง 30 ราย

สำหรับผลประกอบการในปี 2549 คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโต 60% จากปีที่ผ่านมาทำได้ 20.50 ล้านบาท ขณะที่คาดการณ์รายได้เติบโตเฉลี่ย 12% ระยะสองปีนี้โดยปี 49 คาดว่าจะมีรายได้รวมเกือบ 670 ล้านบาท จากปี 48 ที่มี 598 ล้านบาท ขณะที่กรอสมาร์จิ้นเพิ่มไปที่ 27%

โดยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 49 (สิงหาคม 48-ตุลาคม 48) พบว่ามีรายได้อยู่ที่ 170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 140 ล้านบาท ขณะที่ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8% คือเพิ่มจาก 7-8 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท ส่วนปี 50 ยังจะเติบโต 12% ส่วน กำไรสุทธิโตประมาณ 8-10%

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ทางโรงพยาบาลคาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากต้นทุนการดำเนินงานลดลง ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากการให้บริการที่เปิดใหม่ ซึ่งบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอัตราไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ และที่ผ่านมาบริษัทยังไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เนื่องจากผลการดำเนิน งานยังขาดทุนสะสม ขณะที่อัตรา ส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ของบริษัทปัจจุบันคือ 2 เท่า และหลังการเพิ่มทุนจะลดลงเหลือ 1.3 เท่า

ปัจจุบัน ไทยนครินทร์ มีทุนจดทะเบียน 180 ล้านบาท ชำระแล้ว 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ครอบครัว สีหนาทกถากุลและบริษัท สยามสินทรัพย์พัฒนา 55.05% กลุ่มครอบครัวอัตศาสตร์ 11.63% ครอบครัวมีนสุข 3.19% อื่นๆ 30.13% และหลังจากเพิ่มทุนครั้งนี้แล้ว จะทำให้สัดส่วนเปลี่ยนไปคือครอบครัวสีหนาท กถากุลและบริษัท สยามสินทรัพย์พัฒนา 45.88% กลุ่มครอบครัว อัตศาสตร์ 9.69% ครอบครัวมีนสุข 2.66% อื่นๆ 25.10%