Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 พฤศจิกายน 2548
"ฟิลิปส์"เจาะลูกค้ารพ.             
 


   
www resources

Philips Thailand Homepage

   
search resources

Electronic Components
ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย), บจก.
ยาน เอ็กเกอบีน




ประธานบริษัทฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ฯ เปิด นโยบายหลังเข้ารับตำแหน่ง เกาะติดการเติบโตทางการแพทย์ของไทย ส่งแผนกเครื่องมือแพทย์เติบโตกว่า 30% ส่วนกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ใช้นโยบายลดการลงทุนหันว่าจ้างผลิตตามแผนบริหารจัดการ ระบุเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนโยบายฟิลิปส์ทั่วโลก เผยในส่วนของกลุ่มไฟฟ้า และแสงสว่างเตรียมเจาะเข้าโครงการขนาดใหญ่ทั้ง ภาครัฐและเอกชน ตั้งเป้าต่อปีเติบโตไม่น้อยกว่า 10% มียอดรายได้มากกว่า 7 พันล้านบาท

แถลงการณ์ครั้งแรกของนายยาน เอ็กเกอบีน หลังเข้ามารับตำแหน่ง ประธานและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2549 บริษัทจะเติบโตไปพร้อมกับนโยบายของภาครัฐบาล เนื่องจากสินค้าของฟิลิปส์ ทั้งกลุ่มเครื่องมือแพทย์, ไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่าง ตลอดจนเซมิคอนดักเตอร์ หรืออุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สามารถตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศ โดยในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ตั้งแต่ปี 2547 มีการเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 30% มาโดยตลอด เพราะคนไทยมีพฤติกรรมรักษาดูและสุขภาพมากขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลก็ปรับตัวพัฒนาขีดความสามารถในการรักษาและดูแลผู้ป่วย ตามแผนผลักดันให้ไทยเป็นเมดิคัลฮับออฟเอเชีย

"โรงพยาบาลมีชื่อหลายแห่งที่สั่งซื้อเครื่องมือแพทย์ของฟิลิปส์ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ สั่งซื้อเครื่องตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้น, เครื่องเอกซเรย์คอมพิเตอร์ โรงพยาบาลสมิติเวช สั่งซื้อเครื่องอัลตราซาวนด์ 3 มิติ และเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง iE33 โรงพยาบาลรามคำแหงซื้อเครื่องตรวจด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าโรงพยาบาลศิริราช สั่ง ติดตั้งเครื่องตรวจด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า โรงพยาบาลรามาธิบดีสั่งติดตั้งเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์, เครื่องมือเวชศาสตร์นิวเคลียร์ และเครื่องตรวจด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น"

ลดลงทุนในทรัพย์สินหันใช้เอาต์ซอส

นอกจากนั้นในส่วนของสินค้ากลุ่มไฟฟ้า และอุปกรณ์แสงสว่าง บริษัทจะมุ่งเน้นตลาดหลักที่ลูกค้าโครงการ โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ ขณะที่กลุ่มสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเติบโตสูงเป็นไปในทิศทางของความต้องการของตลาดในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีชั้นสูง หรือ RFID โซลูชัน ซึ่งจะนำไปใช้ในระบบลอจิสติกส์, อี-พาสสปอต และ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อมีการผลิตจำนวน มากขึ้น ราคาต่อหน่วยจะลดลง ทำให้สามารถทำตลาดได้กว้างขึ้น

ล่าสุดได้ลงทุนกว่า 800 ล้านบาทขยายโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ที่หลักสี่ กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มกำลังผลิต RFDI โซลูชันเท่านั้น แต่ในส่วนของการผลิตชิปหรือหน่วยความจำขนาดเล็ก ที่ใช้เทคโนโลยีไม่มากนัก จะเน้นเอาต์ซอส คือจ้างโรงงานอื่นผลิต ตรงนี้ถือเป็นนโยบายหลักของบริษัทแม่ และเป็นนโยบายเดียวกันทั่วโลก

"เราจะเลือกลงทุนที่เป็นสินทรัพย์ให้น้อยลง และเอาต์ซอสให้มาก โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมากนัก นโยบายนี้เราปฏิบัติกันมานานแล้ว ซึ่งฟิลิปส์ประเทศไทยก็เช่นกันที่จะต้องปฏิบัติให้เหมือนกับฟิลิปส์ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ตรงนี้ถือเป็นหลักบริหารจัดการที่สำคัญของบริษัท นอกจากนั้น" เตรียมหวนทำตลาดหม้อหุงข้าว

ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนชิ้นเล็ก ในปี 2549 บริษัท มีแผนผลักดันสินค้าใน 2 กลุ่มหลัก คือ เครื่องดูดฝุ่น และหม้อหุงข้าว โดยเฉพาะหม้อหุงข้าว นับเป็นการกลับมาทำตลาดอีกครั้ง หลังจากหยุดไป 2 ปี โดยปีหน้าจะออกรุ่นใหม่ 11 รุ่น ทั้งนี้ เพราะยังมองเห็นช่องทางทำตลาด ซึ่งเราเชื่อว่าจากนวัตกรรมสินค้าภายใต้แบรนด์ฟิลิปส์ซึ่งมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นสินค้าระดับพรีเมียม จะช่วยให้เราทำตลาดง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจของ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน จะส่งผลให้ฟิลิปส์ ในภูมิภาคนี้มีรายได้รวมสูงถึง 1.8 หมื่นล้านยูโร ในปี 2548 และจะเติบโตเป็น 2.3 หมื่นล้านยูโรในปี 2549 โดยภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่ใหญ่ เป็นอันดับสองรองจากประเทศจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจากการประชุมของประธานฟิลิปส์ในอาเซียน ที่ได้ประชุมกับคณะกรรมการ บริหารในหัวข้อการเติบโตธุรกิจในอาเซียน ได้ข้อสรุปตรงกันว่าเรื่องการลงทุนจะโฟกัสลงไปที่ตลาดจีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์
สำหรับผลประกอบการของฟิลิปส์ ประเทศไทย ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 10% จากปี 2547 ที่มียอดขายกว่า 7 พันล้านบาท และจากแผนงานดังกล่าวข้างต้นในปี 2549 บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 10% เช่นกัน ส่วนยอดการส่งออก ปี 2547 มียอดส่งออกมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% เช่นกัน

สำหรับสินค้าใน 5 กลุ่มหลักของบริษัทที่ทำรายได้สูงสุดตามลำดับคือ แผนกคอนซูเมอร์- อิเล็กทรอนิกส์, ส่วนกิจการไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่าง, ส่วนเซมิคอนดักเตอร์, แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนชิ้นเล็ก และแผนกเครื่องมือ แพทย์ โดยในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ซึ่งมีการ เติบโตสูง จะช่วยเพิ่มรายได้เข้าบริษัทได้มากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us