หลังจากที่คำสั่งย้ายนายสรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล ขึ้นเป็นรองประธาน กรรมการ
และดันเอา ทรงศักดิ์ เปรมสุข อดีตกรรมการผู้จัดการเอสซี แม็ทช์บ็อกซ์ ขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการแทน
หลายฝ่ายเชื่อว่าจะมีความ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในไอทีวีอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่สรรค์ชัยก้าวเข้ามา ไอทีวี ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นภาพของสถานี ข่าวรวมถึงเป็นสถานีซึ่งเน้นรายการสาระได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็น
หลังมือ กลายเป็นสถานีซึ่งเน้น รายการ บันเทิงมากขึ้น ตามคอนเซ็ปต์ Best
News + Best Entertainment ที่นายสรรค์ชัยเคยประกาศไว้ เพราะต้นทุนของสถานีอันเนื่องมาจากสัญญา
สัมปทานที่ของเดิมเคยทำไว้นั้น มหาศาลเกินกว่าที่รายได้จากรายการข่าวเพียงอย่างเดียวจะครอบคลุมได้ทั้งหมด
พูดได้ว่าภาวะเลือดไหลออกของไอทีวียังมีอยู่ตลอดเวลา
สรรค์ชัยเคยยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีสถานีไหนที่อยู่ได้ เพราะ รายการข่าว
ทั้งๆที่รายการข่าวของไอทีวีนั้นมีโฆษณาเต็มตลอด ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเพิ่มรายการบันเทิงโดยเฉพาะรายการ ละครหลังข่าว เพราะเขาเชื่อว่า
เมื่อมีละครแล้ว โฆษณาต่างๆจะเข้ามา เพราะในหลายช่อง อาทิ ช่อง 7 และช่อง
3 เม็ดเงินในช่วงโฆษณาของ ละครโทรทัศน์ถือเป็นบ่อเงินบ่อทองที่สามารถเลี้ยงสถานีได้
แต่กระนั้นจำนวนโฆษณาที่เข้ามากลับไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ส่วนหนึ่งเป็น เพราะคุณภาพของละครของไอทีวีในช่วงเปิดตัวนั้นไม่ได้มีทีท่าที่จะสู้กับช่อง
อื่นได้เลย ทั้งในแง่ของการเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ หรือในแง่ความสนุก สนาน
การลงทุนทำละคร แต่โฆษณาไม่เข้านั้นจึงยิ่งไปการเฉือนเนื้อตัวเองไปเรื่อย
เพราะในความเป็นจริงต้นทุน การผลิตละครต่อตอนของไอทีวีก็สูงไม่แพ้ละครของช่องอื่นเหมือนกัน
แต่เมื่อปรากฏว่า ละครอย่าง อมตะ , ส่วย, ทะเล จำปี ดนตรี ทราย ฯลฯ กลับไม่ติดความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าระยะหลังๆจะมีผู้จัดฝีมือ เยี่ยมๆเริ่มเดินเข้ามาสู่ไอทีวีแล้ว แต่ดูเหมือนภาพละครโทรทัศน์ที่ไม่น่าดูยังติดตาอยู่เสมอ
นอกจากนั้นข่าวของ ผู้จัดที่ไม่ค่อยจะมีภาพลักษณ์ที่ดีเท่าไหร่ก็ออกมาเรื่อยๆ
อย่างล่าสุดกรณีของ หลงไฟ ละครที่สร้างจากเรื่องที่ดีได้รับรางวัลมามากมายของ
กฤษณา อโศกสิน ก็ยังไม่ได้ฤกษ์ลงจอเสียที กลายเป็นปัญหาคาใจคนดูอยู่ตลอด
หลายฝ่ายเชื่อว่าเรื่องของรายการ ละครจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แน่นอนเป็นประการแรก
นอกจากนั้น ที่จะสวนทางก็คือ การเพิ่มเวลาการ นำเสนอรายการข่าว เพราะในขณะนี้
โฆษณาที่เข้ามานั้นล้นจนอาจจะต้องขยายเวลาออกไปอีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่อง
ดีสำหรับคอข่าวไอทีวี
"จุดเด่นที่สุดของไอทีวีก็คือข่าว สิ่งที่เราจะเสริมเข้าไปก็คือการนำเสนอ
ข่าวให้รวดเร็วและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น" คือคำพูดที่ทรงศักดิ์ยืนยันตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับหน้าที่
ความเปลี่ยนแปลงประการถัดมาก็คือ ในยุคของสรรค์ชัยไอทีวียังมี นโยบายสุดหรูอยู่อย่างหนึ่ง
นั้นคือ การเซ็นสัญญากับดาราพร้อมจ่ายเงินเดือนให้ด้วย ถือเป็นนโยบายแปลกใหม่
เพราะดาราเหล่านั้นสามารถ ไปรับงานของช่องอื่นต่างค่ายได้อีกด้วย แต่กระนั้นดาราที่เข้ามาอยู่ในสังกัดก็ยังถือว่าเป็นดาราไม่ใหญ่เท่าไหร่
อาทิ อุ้ม ลักขณา นางเอกกระสือ เหมียว เสาวรส อดีตรองนางสาวไทย เมย์ กุลฑีรา
สัตบงกช ฯลฯ จนคนต้องตั้งข้อสงสัยว่า ทำไปทำไม และไอทีวีได้ประโยชน์จากงานนี้อย่างไร?
เรื่องของการเซ็นสัญญาเพื่อจ้าง ดาราให้อยู่ในสังกัดเป็นเวลาอย่างต่ำ 2
ปีอาจจะต้องมีการปรับเช่นเดียวกัน
ประการที่สามก็คือ การกลับมาของละครเกาหลี - ญี่ปุ่น ในช่วงดึก ซึ่งถูกโยกย้ายเวลาไปอยู่ในตอนเย็นซึ่งยากลำบากต่อแฟนๆกลุ่มนี้น่าจะได้รับไฟเขียวให้กลับมาเหมือนเดิม
ซึ่งแฟนๆหลายคนกังขา เพราะซีรี่ส์ของหนังเกาหลี - ญี่ปุ่นเหล่านี้ ถือเป็น
หน้าเป็นตาของช่องเสียด้วยซ้ำไป แม้ ว่าไอทีวีจะไม่ได้เป็นช่องแรกที่บุกเบิก
แต่การทำงานอย่างต่อเนื่องทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นเจ้าแห่งละครเกาหลี - ญี่ปุ่นของไอทีวีโดดเด่นอย่างยิ่ง
และกลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนดู เป็นไปได้ว่า แฟนๆไอทีวีน่าจะยิ้มออก
เหล่านี้น่าจะเป็นความเปลี่ยน แปลงระลอกแรกที่อาจจะทำให้ภาพของไอทีวีที่เคยดูล้ากลับมาเข้มข้นและ
กลายเป็นสถานีน้ำดีอีกรอบหนึ่ง