โกลว์พลังงาน โชว์กำไรงวด 9 เดือน 2,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 1,900 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 37.26% ผู้บริหารโกลว์ฯเผยฟันกำไรก่อนดอกเบี้ยฯและค่าเสื่อมฯ 6,061 ล้านบาท ลดลง 5.7% และกำไรก่อน รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 3,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ไตรมาส 3 กว่า 821 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มี 591 ล้านบาท
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW แจ้งผลการ ดำเนินงานสิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2548 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 821.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.57 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 591.1 ล้านบาท หรือ คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.49 บาท
ขณะที่งวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 2,608.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อ หุ้น 1.82 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,904.76 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้น 1.58 บาท
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท มีกำไรจากงบการเงินรวมก่อน ดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมฯ จำนวน 6,061 ล้านบาท ลดลง 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ มีกำไรจากงบการเงินรวมสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 3,092 ล้าน บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปี ก่อน
นายปีเตอร์ เทอร์โมท ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โกลว์ พลังงาน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรจากงบการเงินรวมก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมฯ จำนวน 6,061 ล้านบาท ลด ลง 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากงบการเงิน รวมสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 3,092 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่ม ขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกันมีผลประกอบการที่ดีมาก โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมฯ จำนวน 4,360 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 2,472 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ ในตลาดไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นราคาถ่านหินที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 27.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน) และราคาก๊าซที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน) รวมทั้งแรงกดดันจาก อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่นำไปสู่ผลประกอบการที่ดีขึ้น ได้แก่ ยอดขายให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 10% และจากความสำเร็จใน การดำเนินงาน ทำให้สามารถลดค่าใช้ จ่ายด้านการบำรุงรักษาลงได้ ผลประกอบการที่เกิดขึ้นจึงแสดงให้เห็น ถึงความสม่ำเสมอและคุณภาพของกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจากธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน แม้ว่าสภาพของตลาดจะไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจก็ตาม
สำหรับธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ในช่วง 9 เดือนแรก ของปีนี้ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมฯ จำนวน 1,700 ล้านบาท ลดลง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 620 ล้านบาท ลดลง 11.6% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลประกอบ การที่ลดลงเกิดขึ้นเนื่องจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองหน่วยผลิตของบริษัทโกลว์ ไอพีพี ได้ดำเนินการตามแผนซ่อมบำรุงหลักในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 (ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม) ซึ่งตามสัญญาซื้อขาย ไฟฟ้า บริษัท โกลว์ ไอพีพี จะไม่ได้รับรายได้ในระหว่างการซ่อมบำรุงดังกล่าว
นายปีเตอร์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2549 มีแนวโน้มที่ดี กล่าวคือ ภายในเดือนมกราคม 2549 นี้ โครงการส่วนขยายระยะที่ 4 ขั้นที่ 2 ในกลุ่มธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน จะเปิดดำเนินการผลิต ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้า 38 เมกะวัตต์และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง รวมทั้งราคาถ่านหินและค่าขนส่ง ซึ่งในช่วงนี้เริ่มมีแนวโน้มที่จะลดลงประมาณ 10-15% และ 20-25% ตามลำดับ ใน ด้านการควบคุมต้นทุน ก็ได้มีการกำหนดเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ โกลว์ ยังมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) รอบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ภายใต้ บริษัท โกลว์ เหมราช พลังงาน ซึ่งเป็นบริษัท ร่วมทุนกับกลุ่มเหมราชอีกด้วย
|