ไอทีวีปรับโครงสร้างบริหารรับสถานีโทรทัศน์แข่งเดือด ส่ง "สรรค์ชัย"
ขึ้นตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร เผยเป็นการ ตอบแทนผลงานเด่นช่วง 2 ปีที่อยู่ไอทีวี
ย้ำไม่เกี่ยวรายงานข่าวบั้งไฟพญานาค ดัน "ทรงศักดิ์" จากเอไอเอส
สืบทอดตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการไอทีวี อาศัยจุดเด่นจากงานครีเอทีฟเอเยนซี่
พัฒนารายการ และงานตลาดจากเอไอเอสเพื่อเข้าถึงพฤติกรรมผู้ชม ตั้งเป้าไอทีวีเป็น
ผู้ชี้นำตลาด มั่นใจยังเป็นผู้นำสถานีข่าว
นายนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ไอทีวีได้ปรับ โครงสร้างการบริหารงานใหม่ ด้วยการแต่งตั้งตนเอง จากรองประธานกรรมการบริหาร
เป็นประธานกรรมการบริหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนนายสรรค์ชัย
เตียวประเสริฐกุล จากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเป็นรองประธานกรรมการบริหาร
และได้แต่งตั้งนายทรงศักดิ์ เปรมสุข มาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ แทนตั้งแต่วันที่
1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป
เดิมนายทรงศักดิ์ เปรมสุข เป็นรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัทแอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับนายสรรค์ชัย
เตียวประเสริฐกุล เคยดำรงตำแหน่งในเอไอเอส ก่อนย้ายมาทำงานที่ไอทีวี การปรับตำแหน่งนายสรรค์ชัย
ขึ้นไปเป็นรองประธานกรรมการบริหาร เป็นการโปรโมตให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้น
จากผลงานที่ทำให้ไอทีวีมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 2 ปี ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ผลประกอบการเมื่อไตรมาส 3 ของปีนี้
รายได้จากโฆษณาของไอทีวีเพิ่มขึ้นถึง 50% หรือมีรายได้ 1,054 ล้านบาท ช่วยให้หนี้สะสมของไอทีวีลดลงหลายร้อยล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเห็นได้จากการวางตำแหน่งทางการตลาดของไอทีวี ให้เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นทางเลือกของประชาชนทั่วไป
มีรายการต่างๆที่น่าสนใจ และเป็นที่นิยมมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งการวางเป้าหมายของสถานีด้วยการเป็นสถานีข่าวอันดับหนึ่ง
ประเทศ การมีส่วนร่วมในการผลักดันและแก้ไขปัญหาเรื่องเรตติ้ง การผลิตรายการประเภท
สาระ บันเทิง และละคร ที่มีคุณภาพ จนเป็นที่ยอมรับจากประชาชนทั่วไป และกลุ่มเป้าหมาย
"ตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารในไอทีวี ของนายสรรค์ชัย เป็นตำแหน่งบริหารระดับสูงที่ต้องร่วมบริหารงานกับทีมบริหารทุกคน
เป็นตำแหน่งที่สำคัญแตกต่างจากบริษัทอื่น ที่ตำแหน่งดังกล่าวเป็นเพียงผู้บริหารที่มาประชุมตามวาระบริหารงานเท่านั้น
และการปรับครั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับกระแสสังคมที่ไอทีวีเข้าไปขุดคุ้ยเรื่องบั้งไฟพญานาคจนเกิดผลกระทบกับหลายฝ่าย
เพราะการทำงานดังกล่าวเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชน"นายนิวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างบริหารงานในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการแข่งขันในธุรกิจทีวี
ที่อยู่ในภาวะแข่งขันรุนแรงเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆซึ่งไอทีวีไม่สามารถหยุดนิ่งในการดำเนินธุรกิจได้
โดยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเจริญเติบโตและสามารถแข่งขันในธุรกิจทีวีให้ได้
จึงจำเป็นต้อง เสริมสร้างทีมงานให้มีความสมบูรณ์ และแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อดำเนินธุรกิจให้บรรลุ เป้าหมาย
นายนิวัฒน์กล่าวต่อว่า สำหรับนายทรงศักดิ์ เปรมสุข มีประสบการณ์ทางเอเยนซี่โฆษณามากว่า
10 ปี ทำให้สามารถสร้างสรรค์รายการให้เป็นที่ต้องการของเอเยนซี่โฆษณา ลูกค้า
และประชาชนทั่วไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะงานด้านการผลิตและการสร้างสรรค์โดยนายทรงศักดิ์
เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทเอส ซี แม็ทบอกซ์ จำกัด และเคยเป็นผู้ถือหุ้นด้วย
แต่ได้ขายคืนให้กับกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่นไปเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นฐานะในวันนี้จึงเป็นเพียงผู้บริหารมืออาชีพเท่านั้น
นอกจากนี้นายทรงศักดิ์ ยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการ ไอทีวี ในปี 2544 และล่าสุดมีประสบการณ์ในการบริหารงานภายในองค์กรใหญ่ๆ
คือ เอไอเอส และผ่านหลักสูตรการบริหารงาน Strategic Marketing Management
Program จาก Harvard Business School มาแล้ว ทำให้สามารถสานต่อนโยบายเดิม
และเพิ่มเติมในแผนงานธุรกิจใหม่ๆให้กับไอทีวีได้
สำหรับการแถลงข่าวปรับโครงสร้างการบริหารของไอทีวีในครั้งนี้ มีเพียงตนเอง
และนายทรงศักดิ์ เปรมสุข เท่านั้น เนื่องจากนายสรรค์ชัยเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อไปติดต่อธุรกิจให้กับไอทีวี
ซึ่งทราบความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนครั้งนี้มาตลอด เพราะเป็นแผนของไอทีวีมากว่า
1 เดือนแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเรื่องปกติขององค์กรที่ทำตามวาระ
ดันไอทีวีสู่ผู้ชี้นำตลาด
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
การเข้ามาทำงานในไอทีวีตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี และเป็นงานท้าทาย
ในการรักษาตำแหน่งผู้นำด้านสถานีข่าวท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือด โดยจะนำประสบการณ์ที่เคยทำงานในเอเยนซี่
ที่เข้าใจการทำงานว่าเอเยนซี่ต้องการรายการประเภทไหน และประสบการณ์ด้านการตลาดที่เอไอเอส
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจมือถือถือเป็นตลาดที่แข่งขันรุนแรงที่สุด ทำให้เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีว่ามีพฤติกรรม
และความต้อง การอย่างไร เพราะต้องทำการตลาดแบบ 360 องศา ซึ่งจะนำมาปรับใช้ในการทำงานกับไอทีวี
สำหรับแนวทางการบริหารไอทีวี จะทำให้ไอทีวี เป็นทีวีในระดับแมส และเป็นTrend
Setter หรือผู้ชี้นำตลาดนำสิ่งใหม่ โดยเฉพาะด้านรายการทีวี ซึ่งไอทีวีได้ปรับรายการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ด้วยการเพิ่มรายการสาระบันเทิงเข้าไปเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ชมวัยรุ่น
และคนรุ่นใหม่ โดยไอทีวีจะเน้นเป็นผู้ให้บริการด้านเนื้อหาสาระที่ทันสมัย
อย่างไรก็ตามคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีหน้าน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะการใช้เม็ดเงินในธุรกิจโฆษณาที่ปีนี้สูงถึง
60,000 ล้านบาท และน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจทีวีด้วย