Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 พฤศจิกายน 2548
ACAP เตรียมเทรดกลางเดือนหน้า รอช่วงราคาก่อนเปิดจองปลายพ.ย.             
 


   
search resources

Stock Exchange
เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่, บมจ.




ACAP เปิดนักลงทุนจองหุ้นระหว่าง 29-30 พฤศจิกายนนี้ ก่อนเข้าซื้อขายในตลาด mai วันที่ 14 ธันวาคม ขณะนี้รอกำหนดช่วงราคาขายหุ้น IPO จากที่ปรึกษาการเงิน ส่วนเงินที่ได้จะนำไปใช้รองรับการขยายงาน ปี 49 รุกงานประมูลปรับโครงสร้างหนี้เพิ่ม เชื่อยังมีบริษัทอีกมากที่รอการปรับหนี้

ดร.วิวัฒน์ วิทูรย์เธียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด(มหาชน)(ACAP) กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้ยื่นไฟลิ่ง ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นับหนึ่ง ไปตั้งแต่ต้นปี 48 เพื่อที่บริษัทจะขาย หุ้นเพิ่มทุน 23 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 23% ของทุน ที่เรียกชำระแล้ว ซึ่งจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นั้น
ขณะนี้ได้รับการอนุมัติให้ขายหุ้นได้ ซึ่งจะเปิดขายและให้นักลงทุน จองหุ้นระหว่าง 29-30 พฤศจิกายน และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 14 ธันวาคมนี้ โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 100-200 ล้านบาท ขณะที่ช่วงราคาหุ้นของบริษัทที่จะขายนั้นยังไม่เปิดเผย เพราะรอสรุปตัวเลขจากที่ปรึกษาการเงิน ซึ่งบริษัทแต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ ฟารŒอีสต์ เป็นที่ปรึกษาการเงินในการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้ในการดำเนินงาน แบ่งเป็นทุนหมุนเวียน 50% ลงทุนในทรัพย์สินอื่น 25% ชำระหนี้ 15% และค้ำประกันทำแผนฟื้นฟูกิจการสำหรับการดำเนินงานของบริษัทลูก คือบริษัท เอเชี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (AIP)

ดร.วิวัฒน์กล่าวถึงแผนงานปี 49 ว่าจะรุกงานประมูลมากขึ้น เพราะเชื่อว่ายังมีหลายบริษัทที่ต้อง การบริหารหนี้มากขึ้น ขณะที่งานที่ปรึกษาการเงินก็ยังมีให้ทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขายหุ้น IPO ส่วนงาน บริหารทรัพย์สินบริษัทจะนำไปเป็นทุนเพื่อเข้าประมูลงานฟื้นฟูกิจการ ซึ่งงานส่วนนี้ต้องมีทุนระดับหนึ่ง เพราะบริหารงานหนี้ NPL ก็ยิ่งใช้เงินมาก รวมทั้งการจ้างพนักงานเพิ่ม ขึ้นด้วย

"โดยภาวะตลาดดี การทำ IPO ก็จะมีมาก เราจะรุกไปทางนี้ด้วยในปี 49 ส่วนมากเราจะได้ลูกค้าจากคนคุ้นเคย ขณะที่การบริหารสินทรัพย์ต่างคนต่างมีตลาดของตัวเอง ซึ่งคนที่อยู่ในธุรกิจนี้เราต้องแข่งกับตัวเองด้วย และคู่แข่งของเรามีน้อยมาก" ดร.วิวัฒน์
ปัจจุบัน เอแคปฯ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีนี้มีตัวเลข 3,400 ล้านบาท จากยอดหนี้ 6,800 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะรับเป็นยอดรับชำระหนี้ประมาณ 5,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้เข้ามาในปีหน้า

สำหรับอัตราการเติบโตของรายได้บริษัทในปี 2002-2003 โต 48% ปี 2003-2004 โต 57% และปี 2005 รอบ 9 เดือน โต 69% ขณะที่กำไรขั้นต้นจากปี 2002-2005 พบว่าโตขึ้น 55% 7% 42% และปีนี้ 9 เดือน 32% ตามลำดับ

"การเติบโตของรายได้ของเรามาจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ส่วนสำคัญมาจากความเชื่อมั่นของลูกค้า และทีมงานของเราที่มีประสบการณ์ที่หลากหลายจะทำให้แต่ละคนมีจุดเด่นของตัวเอง ส่วนภายนอกคือมาตรฐานทางบัญชีที่ปัจจุบันต้องได้มาตรฐาน และบริษัทที่มีปัญหาแต่ละบริษัทก็ต้องการทำให้ตัวเองอยู่รอดด้วยการปรับหนี้ เราจึงเชื่อว่าธุรกิจที่เราทำมีงานให้ทำตลอดไปเรื่อยๆ" ดร.วิวัฒน์กล่าว

ปัจจุบันเอแคปฯ มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท โดยชำระแล้ว 77 ล้าน บาท และภายหลังการเพิ่มทุนแล้ว จะทำให้ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท มีหุ้นสามัญ 100 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท โดย ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่ม ดร.วิวัฒน์ วิทูรย์เธียร ถือหุ้น 79.01% และกลุ่ม เจแปน เอเชีย อินเวสต์เม้นท์ ถือหุ้น 9.09% ภายหลังการเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 60.84% และ 7% ตามลำดับ

สำหรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจากรายได้ค่าที่ปรึกษา 35% และบริหารหนี้ให้ลูกค้า 65% ซึ่ง งบการเงินไตรมาส 3 ปีนี้ของเอแคปฯ พบว่ามีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท มีรายได้รวม 198 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมประมาณ 230 ล้านบาท หนี้สินรวม 58 ล้านบาท โดยผลการ ดำเนินงานงวดสิ้นปี 47 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท มีรายได้รวม 117 ล้านบาท และปี 46 มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท มีรายได้รวม 75 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งบริษัทมี นโยบายจ่ายเงินปันผลให้แกˆผู้ถือหุ้น ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ประมาณ 0.5-0.6 เท่า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม กับทุนในปัจจุบัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us