|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เปิดสินค้า 4 กลุ่มภูมิภาคในจีน หลังกรมส่งเสริมการส่งออกส่งหน่วยคอมมานโดทางการค้าเข้าศึกษาเชิงลึก ตามแผนปฏิบัติการจีน ปี 48 แนะธุรกิจไทยเน้นนำสินค้าระดับ high-end ขายคนรวยในเมืองที่มีจีดีพีสูง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เจ้อเจียง กวางโจว เซินเจิ้น ส่วนเมืองไหนจีดีพีต่ำ ควรหลีกเลี่ยง เพราะสู้สินค้าราคาถูกของจีนไม่ได้
จีน นับเป็นหนึ่งใน 2 ประเทศที่ถูกจับตามากที่สุดในเวทีการค้าโลกของปัจจุบันรวมกับอินเดีย เพราะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก ซึ่งไทยก็ทำการค้ากับจีนมานานหลายทศวรรษ แต่พบว่าแม้มีข้อตกลงการทำเขตการค้าเสรี หรือ FTA ไทย-จีนก็ตาม แต่นักธุรกิจไทยก็ยังพบอุปสรรคหลายอย่างในการไปค้าขายร่วมกับคนจีน โดยเฉพาะเรื่องกฎระเบียบของรัฐบาลจีน ที่ในแต่ละมณฑลของจีนมีกฎระเบียบที่ต่างกัน ฉะนั้นก่อนเข้าไปทำการค้าในจีน จึงต้องศึกษาช่องทางการค้าให้ดีเสียก่อน นี่เป็นเหตุผลที่กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการจีน หรือ STF 2 ขึ้นมาเป็นพิเศษ...
เปิดสินค้าไทยฮอตใน 4 ภูมิภาคจีน
แหล่งข่าวในกระทรวงพาณิชย์ หนึ่งในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ STF หรือ หน่วยคอมมานโดทางการค้าภูมิภาคจีน กล่าวว่า แผนปฏิบัติการจีนนี้เป็นแผนเพื่อเข้าไปศึกษาตลาดเชิงลึก และหาลู่ทางการทำการค้าให้นักลงกิจไทย โดยที่ผ่านมาทางกรมส่งเสริมการส่งออกได้จัดทีมงานคอมมานโดเป็น 4 คณะ แบ่งตามพื้นที่ที่จัดโซนเอาไว้ 4 โซน แต่ละโซนจะมีศักยภาพทางการค้าที่ต่างกัน
กลุ่ม ภาคเหนือ และภาคอิสานของจีน ได้แก่เมือง ปักกิ่ง เทียนจิน เหอเป่ย ซานซี เหลียวหนิง จี้หลิน เหอหลงเจียง มองโกเลียในฯ จากการศึกษาพบว่าสินค้าที่มีศักยภาพที่ไทยสามารถนำเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มนี้ได้ ประกอบด้วย อาหารแปรรูป ผลไม้ ยางพารา ธุรกิจบริการ และร้านอาหารไทย โดยแผนการปฏิบัติงานที่ผ่านมามีการสำรวจตลาดเชิงลึก มีการจัด Export Rally เพื่อนำนักธุรกิจไทยเข้าพบปะเจรจาผู้นำเข้า ที่เมืองฮาร์บินและเมืองเสิ่นหยาง และเมืองต้าเหลียนและเมืองเทียนจิน
“กลุ่มภาคเหนือกับอิสานนี้เป็นกลุ่มคนค่อนข้างรวย โดยเฉพาะทางฝั่งเมืองต้าเหลียน เมืองเฮยหลงเจียง ที่เป็นเมืองท่าเรียบชายฝั่งทะเล และเป็นเมืองที่ถือว่าเป็นประตูสู่รัสเซีย ถ้านำสินค้ามาขายตรงนี้ได้จะได้ราคาดี แต่ปัญหาสำคัญคือมีระยะทางที่ไกลจากเมืองไทยมาก หากส่งของไปขายอาจจะทำให้มีต้นทุนสูง ไม่คุ้ม และเสียเวลา"
กลุ่ม ภาคตะวันออก ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ๋อเจียง อันฮุย ซานตง ฝูเจี้ยน หนานจิง โดยสินค้าที่มีศักยภาพในกลุ่มนี้ได้แก่ อาหาร สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และธุรกิจบริการ ที่ผ่านมามีการจัด Export Rally ที่นครเซี่ยงไฮ้ เมืองอี้อู่ และเมืองอู๋ซี
“กลุ่มนี้มีเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ถือเป็นเมืองที่ประชากรมีรายได้สูง และมีความทันสมัยมาก ฉะนั้นร้านอาหารไทยจะได้รับความนิยมมาก นอกจากนี้ก็ยังมีผลไม้ได้แก่ ลำไย ลำไยอบแห้ง ขนมขบเคี้ยว น้ำผลไม้ ผลไม้กระป๋องเขาก็จะนิยมกินของไทยมาก”
เทรนด์ใหม่OTOPแต่งบ้านสุดฮิต
กลุ่ม ภาคใต้ ได้แก่ กวางตุ้ง กวางโจว ไห่หนาน กวางสี หูเป่ย เจียงซี กุ้ยโจว หูหนาน โดยสินค้าที่มีศักยภาพได้แก่ เครื่องหัตถกรรม ของที่ระลึก อาหารแปรรูป ผลไม้ เครื่องหนังโดยเฉพาะหนังจระเข้ และปลากระเบน ยางพารา มันสำปะหลัง เครื่องสำอาง และข้าวหอมมะลิ กลุ่มนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออกได้มีการจัด Export Rally ไป 1 ครั้งที่เมืองฉางชา อู๋อั่น
“ข้าวหอมมะลิของไทยเรามาขายที่นี่ราคาแพงมาก ขายกันในเหลา หรือภัตตาคาร คนมีเงินถึงกินได้ อาหารอย่างอื่นที่นิยมก็มีลูกชิ้นปลา อาหารสำเร็จรูป ผลไม้สด ของตกแต่งบ้าน OTOP รวมทั้งธุรกิจบริการก็ได้รับความนิยมมากในกลุ่มนี้ ทั้งร้านอาหาร กลุ่มธุรกิจการศึกษาที่สอนภาษาไทย หรือสปา”
กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก ประกอบด้วยเมืองฝูเจี้ยน ชานสี ยูนนาน เสฉวน โดยผลไม้ยังเป็นสินค้ายอดนิยมที่สุดในกลุ่มประเทศนี้ นอกนั้นก็มียางพารา อุปกรณ์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอาหารแปรรูป ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมมากถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นคือสินค้าโอทอปโดยเฉพาะของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ กลุ่มนี้มีการไปจัด Export Rally 2 ครั้ง ที่เมืองคุนหมิง เมืองเจิ้งโจว และเมืองฉงชิ่ง และเฉินตู
นอกจากนี้ยังมีการจัด Thailand exhibition ในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการเข้าไปเปิดตลาดจีนให้นักลงทุนไทยมีโอกาสเข้าไปทำการค้าการขายกับประเทศจีน แต่ที่ผ่านมายังมีการไปจัดไม่มากนัก ซึ่งใน 1 ปี จะมีการจัดประมาณปีละ 2-3 ครั้ง ตามเมืองหรือมณฑลที่มีศักยภาพที่สินค้าไทยจะเข้าไปเปิดตลาดได้
โดยตามแผนปี 2549 จะมีการไปจัดที่เมืองกวางโจวที่ไปจัดมาแล้วหลายครั้ง และเลือกไปที่เมืองซูโจว มณฑลฟูเจี้ยน ซึ่งแม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่เป็นเมืองที่เหมาะที่จะนำธุรกิจของคนไทยไปเผยแพร่ และหาช่องทางการตลาดในประเทศจีนด้วย
เจาะขายของคนรวยเมืองจีดีพีสูง
แม้ว่าจะมีการจัดกลุ่มเมืองต่าง ๆ ตามภูมิภาคของจีนถึง 4 กลุ่ม แต่โดยความจริงในแต่ละเมืองของจีนยังมีความแตกต่างกันมาก ทั้งเรื่องกฎระเบียบ และเรื่องสินค้าที่ได้รับความนิยมอยู่ ตรงนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออก จึงต้องศึกษาข้อมูลการค้าการลงทุนเป็นรายเมืองไปด้วย ซึ่งตามเทคนิคแล้วจะดูจากระดับจีดีพีของแต่ละมณฑลเป็นหลัก
“จีดีพีของแต่ละมณฑลจะเป็นตัวบอก ความต้องการของผู้บริโภค เมืองไหนจีดีพีเยอะ เราจะนำนักธุรกิจไทยเข้าไปเจาะตลาด โดยเฉพาะสินค้าระดับ high –end อย่างเมืองเจ้อเจียง กวางโจว เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น ขณะนี้คนมีรายได้สูงมาก เศรษฐีเยอะ เราต้องรีบเอาสินค้าไปขาย ขณะที่เมืองไหนมีจีดีพีต่ำ เราหลบเลย ไม่เข้าไปทำการค้าด้วย เพราะถ้าต้องเอาของราคาถูกไปขาย เราขายสู้ของคนจีนไม่ได้ ยังไงเขาก็ถูกกว่า”
แบล็คแคนยอนเปิดแฟรนไชส์ที่คุนหมิง
รายงานข่าวแจ้งว่า ปี 2548 นี้กรมส่งเสริมการส่งออกได้นำบริษัทที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 33 บริษัท ทั้งบริษัทข้าวหอมมะลิ น้ำมันพืช ลำไยอบแห้ง ลำไยสด ทุเรียนทอดกรอบ ผลไม้ และน้ำผลไม้กระป๋อง ซอสปรุงรส สินค้า OTOP เครื่องใช้ ของประดับตกแต่งบ้าน ยางพารา เครื่องหนัง เครื่องประดับ น้ำมันหล่อลื่น เครื่องสำอาง และภัตตาคารไปในงาน Export Rally ที่จัดขึ้นตามเมืองต่าง ๆ
โดยคาดว่าจะมีการสั่งซื้อข้าวหอมมะลิ และข้าวศรีปทุมจากจีนประมาณ 2,000 ตันต่อปี ยางพารา กระเป๋าปลากระเบน ผลไม้สดและผลไม้อบกรอบ เช่น ลำไย ทุเรียน กล้วยไข่ โดยน้ำผลไม้ของบริษัทมาลีสามพรานได้มีการเจรจากับห้าง Parkson คาดว่าจะมีการสั่งซื้อปีละประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้บริษัทแบล็คแคนยอนได้มีการเจรจาจะไปเปิดแฟรนไชส์ที่เมืองคุน
หมิงเป็นสาขาแรกในจีน รวมแล้วผลของการเจรจาในปี 2548 ที่ผ่านมา คาดว่ามีมูลค่าสั่งซื้อภายใน 1 ปี ประมาณ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ
เตรียมตั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีน
สำหรับแผนปฏิบัติการในปีหน้า จะมีการเน้นดำเนินการใน 3 ส่วนคือ เชิญผู้ซื้อรายมณฑลจากจีนเข้ามาพบกับผู้ประกอบการนำเข้าในไทย นำผู้ประกอบการไทย และผู้บริหารประเทศระดับสูงไปสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าเพื่อหาคู่ค้ากับประเทศจีนเพิ่ม รวมทั้งจะมีการหาเน็ทเวิร์ค เพิ่มช่องทางการตลาด โดยจะทำการตลาดผ่านตัวแทน ปัจจุบันมีสำนักงานเครือข่ายอยู่ในจีนแล้ว 4 แห่ง คือ ที่กวางโจว คุนหมิง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเพิ่งก่อตั้งเสร็จ 2 แห่งคือ ต้าเหลียน และเซี่ยเหมิน และมีแผนที่จะตั้งสำนักงานเครือข่ายขึ้นมาอีก 2 ที่ด้วยกัน คือ ที่เมืองเทียนจิน และฟูโจว เพิ่ม
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางกรมได้วางแผนที่จะไปตั้งศูนย์กระจายสินค้าในประเทศจีนด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาพบปัญหาการส่งออกผลไม้ที่เน่าเสีย เนื่องจากต้องนำเข้าผ่านตัวแทนที่เมืองกวางโจว
|
|
|
|
|