|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะการกำหนดเพดานคิดดอกเบี้ยกับลูกค้าธุรกิจ "บัตรเครดิต"ของทางการ อาจเริ่มเห็นผลกระทบโดยตรงกับปริมาณบัตร แต่ที่ทางการควบคุมให้อยู่ในกรอบแทบไม่ได้เลยก็คือ การพยายามดิ้นรนหาทางออกของผู้ประกอบการ ที่สะท้อนออกมาในรูปแคมเปญส่งเสริมการขาย ซึ่งมากระจุกตัวในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ ว่ากันว่าการขีดกรอบให้เดินยังใช้ไม่ได้สำหรับ "นักรูด" ขณะที่โปรแกรมล่อใจให้จับจ่ายใช้สอยก็ยังมีอยู่ชุกชุม....
ทั้งธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการด้านเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ นอนแบงก์ ที่ถูกจำกัดพื้นที่ขยายฐานลูกค้าโดยหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำลังหาทางออกให้กับหนทางที่ตีบตันของธุรกิจบัตรเครดิต ถ้าสังเกตุเห็นโปรแกรมส่งเสริมการขายที่มีอยู่ชุกชุมตลอดช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้
รูปแบบแคมเปญทั้งของแบงก์ไทย-เทศ รวมถึงนอนแบงก์ ที่ยิงผ่านสายตาสื่อแทบทุกประเภทจึงมีหน้าตาหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่หนีการลด แลก แจก แถม หากลูกค้ารูด รูด รูดและรูดการ์ดให้มากที่สุด...
ธวัชชัย ธิติศักดิ์กุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บมจ.บัตรกรุงไทย เอ่ยถึงการเทงบกว่า 150 ล้านสำหรับแคมเปญเขย่าตลาดบัตรเครดิตช่วง 3 เดือน(พ.ย.2548-ม.ค.2549) โดยเลือกกิจกรรมแจกทองลูกค้าที่รูดเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป จะได้ลุ้นรับทองคำแท่งหนัก 1,500 บาท มูลค่า 15 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือน
รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ร่วมกับพันธมิตรมากหน้าหลายตา อาทิ สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ โรงพยาบาล ท่องเที่ยว โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่น นาฬิกาและเครื่องประดับ
กิจกรรมที่อัดงบช่วงโค้งสุดท้าย ที่ถือเป็น "ฤดูไฮซีซั่น" ของการจับจ่ายใช้สอยของธุรกิจบัตรเครดิตหลากหลายค่ายจึงหวังจะกระตุ้นกำลังซื้อทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ โดยพุ่งตรงไปที่บัตรใบที่สอง หรือ "second card"
ธวัชชัย บอกว่า เคทีซี จะโฟกัสไปที่ กลุ่ม "second card"
" กิจกรรมนี้เชื่อว่าจะทำให้เพิ่มปริมาณบัตรใหม่อีก 2 แสนบัตร เราเลือกแคมเปญแจกลุ้นรางวัลทองคำ เพราะทองคำราคาสูง และคนส่วนใหญ่ชอบซื้อทองในช่วงใกล้ปีใหม่"
แผนส่งเสริมการขายที่ซาลงไปมากของเคทีซีหากเทียบกับแบงก์ไทยและเทศ รวมถึงคู่แข่งรายอื่น ก็ยังไม่ทำให้ถูกโค่น "บัลลังก์" แชมป์ได้ง่ายนัก โดยเคทีซียังมีฐานลูกค้าที่ถือบัตรมากเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 1.2 ล้านบัตร
อย่างไรก็ตาม การปล่อยหมัดชุดครั้งนี้ก็ทำให้เชื่อว่า จะทำให้ผู้คนควักเงินจากกระเป๋าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นบาทต่อคนต่อเดือน จากที่มีอยู่เฉลี่ย 5.7 พันบาทต่อคนต่อเดือน โดยเป็นลูกค้าแอคทีพ 7 พันบาทต่อคนต่อเดือน
ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของลูกค้า เคทีซีปัจจุบันสูงถึง 4 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือ 4.8 พันล้านบาทต่อเดือน โดยมีหมวดที่ใช้จ่ายสูงสุดคือ การรูดบัตรเติมน้ำมันที่สูงระดับ 8 พันล้านบาทต่อปี รองลงมาคือ ดีสเคาน์สโตร์ 4 พันล้านบาทต่อปี โรงพยาบาล 2 พันล้านบาทต่อปี และดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ 2 พันล้านบาท
ธวัชชัย มองว่า เมื่อ 5-10 ปีก่อน เงินพลาสติกอาจพกเพื่อความโก้ หรือเท่ แต่ปัจจุบันบัตรเครดิตกลายเป็นเรื่องของวัตถุประสงค์และความจำเป็น ดังนั้นการวางแผนส่งเสริมการขายก็ต้องมองถึงหมวดหลักที่จะกระตุ้นให้ผู้คนเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยด้วย
" พันธมิตรเราจึงเน้นหนักที่หมวดหลักพวก น้ำมัน อาหาร เช่น โออิชิ บาบีคิวพลาซ่า หรือซีสเลอร์"
นอกจากนั้น แทบทุกบริษัทก็หมายตาจะโหมแคมเปญเร่งลูกค้ารูดบัตรช่วงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นฤดูกาลของการใช้จ่าย ขณะที่เคทีซี ก็มีตารางเวลาจัดกิจกรรมครั้งนี้ในแต่ละสัปดาห์ เพราะนอกจากเร่งการใช้จ่าย ยังมีตัวแปรที่คือ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ที่ผลักให้ต้นทุน ค่าใช้จ่ายสูงเป็นเงาตามตัว ทำให้ทุกบริษัทต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอด
ผลประกอบการปีนี้บอกว่า ผลกำไรของเคทีซีไม่ลดลงมาก แต่มาร์จิ้นก็ลดลงจาก 3% กว่ามาเป็น 3% ต้นๆ แต่อย่างน้อยเคทีซีก็มีหมัดเด็ดคือ จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายปี เหมือนกับค่ายอื่นๆ แต่ที่ไม่ต่างกันคือ เตรียมจะปรับเพิ่มการเก็บดอกเบี้ยลูกค้าขึ้นอีกในปี 2549 จาก 17.75% เป็น 18% เต็มเพดานที่รัฐกำหนด
จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ สำหรับนักช้อป และราชาเงินผ่อนทั้งหลาย เพราะหันไปทางไหนก็จะเห็นเหมือนกันหมดคือ "มืดแปดด้าน" ซ้ายก็ปรับดอกเบี้ย ขวาก็ปรับดอกเบี้ย ภาระที่แบกบนบ่าหนักอยู่แล้ว ก็จะยิ่งหนักยิ่งขึ้นอีก
|
|
|
|
|