Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 พฤศจิกายน 2548
ช่อง 3 เล็งตั้งทีวีเพิ่มโฟกัส 4 ช่องหลัก เผยไตรมาสสามรายได้-กำไรร่วง             
 


   
www resources

โฮมเพจ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3
โฮมเพจ บีอีซี เวิลด์

   
search resources

บีอีซี เวิลด์, บมจ.
สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท.
TV




บีอีซี เวิลด์ เล็งตั้งสถานีโทรทัศน์เพิ่ม โฟกัส 4 ช่องหลัก กีฬา ข่าว บันเทิง เด็ก สร้างช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้นหนีข้อจำกัดที่มีแต่ปรับค่าโฆษณา ชี้มีความพร้อมอยู่แล้ว ได้เปรียบคนนอกวงการทีวี เตรียมพร้อมรองรับ ปรับสัดส่วนการผลิตรายการเหลือผู้จัดนอกเครือ 20% หวังควบคุมให้ได้เบ็ดเสร็จ เผยไตรมาสสามรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12% กำไรร่วง 23 ล้านบาท

นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มสถานีโทรทัศน์อีกจากเดิมที่มีช่อง 3 ช่องเดียว หลังจากที่ กสช. ได้กำหนดกฎเกณฑ์ในการจัดสรรคลื่นเรียบร้อย โดยสนใจทำสถานีโทรทัศน์ประเภทเด็ก กีฬา ข่าว บันเทิง ซึ่งต้นทุนของรายการเด็กกับกีฬาจะสูงมาก แต่ทั้งนี้คงต้องศึกษาในรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากผู้ที่ทำธุรกิจทีวีเดิมอยู่แล้วจะขยายเพิ่มอีกย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าผู้ที่จะเข้ามาใหม่

นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน กล่าวเสริมว่า โดยหลักการแล้วบริษัทฯ มีศักยภาพที่จะทำได้หลายช่อง แต่ทั้งนี้ตัวชี้วัดคือตลาดจะรับได้มากน้อยเท่าใดเท่านั้นเอง อีกทั้งบริษัทฯ ก็มีความพร้อมและศักยภาพอยู่แล้ว เพราะอยู่ในุธุรกิจนี้มานาน อีกทั้งมีบุคลากรรองรับมาก และที่ผ่านมาก็มีการเตรียมตัวรองรับในระดับหนึ่งแล้ว

"ถ้าหากว่าเรามีช่องใหม่มันก็ย่อมมีโอกาสในการเติบโตมากขึ้นทั้งจากฐานของกลุ่มคนดู และเม็ดเงินจากการโฆษณามากกว่าการที่มีเพียงช่องเดียว เพราะไม่อย่างนั้นเราจะโตด้วยการปรับราคาค่าโฆษณาเท่านั้นหรือ ขณะที่เราต้องลงทุนมากขึ้น เช่นในปีหนึ่งๆ เราลงทุนกว่า 1,600 ล้านบาท และต้องเพิ่มขึ้นตลอดเวลาทุกปี" ธุรกิจโทรทัศน์เช่นเดียวกับธุรกิจทุกอย่างจะเติบโตได้ต้องมีการแข่งขันกันมากขึ้น ดังนั้นถ้าในอนาคตยิ่งมีโทรทัศน์หลายช่องก็ยิ่งดี เพราะอย่างน้อยที่สุด สินค้าที่เป็นรายเล็กๆ ก็มีโอกาสมีช่องทางที่จะโฆษณาในช่วงเวลาอื่นๆ บ้าง เพราะที่ผ่านมาสินค้ารายใหญ่มีเงินมากและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารโทรทัศน์ก็มักได้เวลาดีๆ ไปหมด

นายฉัตรชัยกล่าวว่า การเตรียมพร้อมนั้น ส่วนหนึ่งคือ การปรับตัวทางด้านการผลิตรายการ ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับสัดส่วนมาตลอดจนปัจจุบันมีสัดส่วนรายการที่บริษัทฯ ผลิตเองหรือบริษัทฯที่ผลิตให้กับช่อง 3 มานานเพียงช่องเดียวอยู่ในสัดส่วน 80% ที่เหลืออีก 20% เป็นผู้จัดภายนอก ซึ่งต่างจากช่องโมเดิร์นไนน์กับช่องไอทีวีที่มีผู้จัดผู้ผลิตรายการนอกจำนวนมาก ทั้งนี้บริษัทฯ มีเหตุผลเพื่อให้สามารถควบคุมคอนเทนต์หรือเนื้อหารายการต่างๆ ได้ซึ่งจะพบว่า รายการที่ผลิตเองจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้หญิงถึงผู้หญิง เป็นต้น นอกนั้นก็เป็นการซื้อลิขสิทธิ์รายการมาออกอากาศที่ช่อง 3 แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ล่าสุดคือหนังเกาหลีเรื่อง แดจังกึม

สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ บีอีซี เวิลด์ ในไตรมาสที่สามปี 2548 มีรายได้จากการขายโฆษณา 1,183 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสที่สองปีนี้ที่ทำได้ 1,270 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 7% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ทำได้ 1,344 ล้านบาท หรือลดลง 12% ส่วนกำไรมีประมาณ 206 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีกำไร 384 ล้านบาท เนื่องจากเป็นผลตามฤดูกาล และอัตราการใช้นาทีโฆษณาลดต่ำลงในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ค่อนข้างมากจากการถดถอยของเม็ดเงินโฆษณา ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่ผลต่างนั้นปรับแคบลงมาเรื่อยแล้ว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีกำไรโดยรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ลดลง 50% จากปีก่อนหน้า ส่วนรายได้คาดว่าจะลดลง 15-16%

นายฉัตรชัยกล่าวด้วยว่า ภาวะ 2 เดือนหลังนี้ คาดว่าน่าจะดีขึ้นเพราะเป็นช่วงการใช้จ่ายเงินในตลาด แต่โอกาสที่จะทำได้เหมือนกับปีก่อนคงยากแล้ว แต่เชื่อว่าปีหน้าน่าจะดีขึ้นแล้ว เพราะว่าเรามาถูกทางทั้งละคร รายการข่าว และอื่นๆ ที่เราปรับตัวมาตลอด

สำหรับส่วนแบ่งจำนวนผู้ชมนั้น จากตัวเลขล่าสุดของเอซีนีลเส็นระบุว่า จากช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วกับปีนี้พบว่า ช่อง 3 มีส่วนแบ่ง เพิ่มจาก 22% เป็น 24%, ช่อง 5 เพิ่มจาก 7.6% เป็น 8%, ช่อง 7 ลดลงจาก 45.5% เป็น 43%, ช่องโมเดิร์นไนน์ เพิ่มจาก 9.8% เป็น 11%, ช่อง 11 เพิ่มจาก 2.6% เป็น 3%, ช่องไอทีวี ลดลงจาก 12.5% เป็น 11%

ขณะที่ส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาของแต่ละช่องนั้น ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ถึงเดือนกันยายนพบว่า ช่อง 3 มีประมาณ 7,646 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 20.6%, ช่อง 5 มีประมาณ 6,067 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 16.3%, ช่อง 7 มีประมาณ 10,537 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 28.4%, ช่องโมเดิร์นไนน์ มีประมาณ 5,115 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 13.8%, ช่อง 11 มีประมาณ 878 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 2.4%, และช่อง 11 มีประมาณ 6,909 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 18.6%

ทั้งนี้ มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาทั้งระบบช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้พบว่า มีทั้งสิ้น 65,576 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของสื่อโทรทัศน์มากที่สุด มีประมาณ 37,160 ล้านบาท หรือประมาณ 56.67% เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มี 35,150 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56.78% ของตลาด เพิ่มขึ้นมาประมาณ 5%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us