เรื่องนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มี การเจาะลึกหรือเจาะตื้น แต่เป็นเรื่องของการกินเหล้าของนักธุรกิจทั่วโลกที่
สนธิ ลิ้มทองกุล บรรณาธิการนิตยสารผู้จัดการขณะนั้น เผอิญได้ไปเห็นมาว่า
เขาแลกเปลี่ยนการสนทนาบนน้ำสีเหลืองกันอย่างไร?
ที่นิวยอร์กนั้น นักธุรกิจฝรั่งดื่มเหล้า ดื่มไวน์ หรือดื่มเบียร์กันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สุดในระหว่างมื้อเที่ยง
ซึ่งมักจะเป็น ช่วงการตกลงธุรกิจ
มาร์ตินี่เคยเป็นเหล้าก่อนอาหารที่นิยมที่สุดของนักธุรกิจ แต่มาตอนนี้มาร์ตินี่
กลับตกต่ำลง ไวน์ขึ้นมาแทน
"วันที่ผมอยู่นิวยอร์ก ผมไปทานอาหารเที่ยงกับ Vice President ของ
McGraw Hill คนหนึ่งชื่อ Robert Johnson เราไปทานกันที่แค๊ปปริซิโอ แถวๆ
ถนน 44 และถนน 45 ในแมนฮัตตัน Robert บอกผมว่า นักธุรกิจในอเมริกาตอนนี้ลดการดื่มมาร์ตินี่ลงมามาก
และดื่มไวน์หรือเบียร์แทน แม้แต่เบียร์ก็ดื่มแต่พวก light beer ซึ่งตอนหลังเบียร์มีชื่อในอเมริกา
เช่น Budwiser หรือ Miller ก็ออก light beer มามาก เปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของคนดื่ม"
สนธิเล่าให้ฟัง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า พวกวิสกี้จะขายไม่ออก ตรงกันข้ามถ้าเป็นอาหารค่ำแล้ว
Scotch on the rock ก็ยังถูกสั่งเป็นประจำในอเมริกา ทางเหนือก็มักจะสั่ง
Scotch จากสกอตแลนด์ ส่วนทางใต้อเมริกานั้นจะดื่มเบอร์เบิ้นกันหนักหน่อย
จะอย่างไรก็ตาม เบียร์ก็ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมที่สุด
จากนิวยอร์กข้ามมาอีกฝั่งแถวๆ San Francisco และ Los Angeles พฤติกรรมการดื่มเหล้าก็เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง
แถวๆ ทางฝั่งตะวันตกนี้ คนนิยมดื่ม เหล้าผสมกันมากกว่า แต่เบียร์ก็ยังครองแชมป์
ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังแดนอาทิตย์อุทัยที่มีชื่อในเรื่องน้ำเมา นอกจากสาเกที่เป็นเหล้าประจำชาติเหมือนเหล้าโรง
ที่คนต่างจังหวัดบ้านเราดื่มกันแล้ว คนญี่ปุ่นชอบดื่มวิสกี้ บรั่นดี และเบียร์มาก
แต่เครื่องดื่มผสมนั้นคนญี่ปุ่นไม่ชอบ
สาเกของญี่ปุ่นนั้นทำจากข้าวและมีรสชาติที่นุ่มกลมกล่อมค่อนข้างหวาน สาเกนี่ฝรั่งเขาเรียกว่า
Heavy weight knocker เพราะว่าเวลาดื่มแล้ว จะไม่รู้สึกเมาประกอบกับถ้วยมันเล็กมาก
ซดกันอึกเดียวก็ถ้วยแห้งแล้วก็เติมใหม่ เมื่ออุณหภูมิ ความเมามันถึงที่แล้ว
บางคนถึงกับหงายหลังเลย
"เรื่องความเมาของคนญี่ปุ่นนั้นมีวีรกรรมลือลั่นเล่าให้ฟังไม่รู้จักจบ
ผมไปดื่มเหล้ากับคนญี่ปุ่นชุดหนึ่งที่ร้านเหล้าแถวๆ กินซ่า พอเมาได้ที่ นายทากาอิชิ
ซึ่ง เป็นนักเขียนของไมนิชิ ชิมบุน ค่อยๆ คลาน สี่ตีนออกนอกห้อง คลานตรงไปที่ห้องน้ำแล้วชะโงกคออ๊วกลงไปในส้วมเสร็จแล้วค่อยๆ
คลานกลับมากินต่อ ส่วนเพื่อนนาย ทากาอิชิอีกคนต้องรีบโทรไปเรียกเมียมาจากบ้านแล้วอ๊วกใส่มือเมีย
ไม่งั้นไม่ออก มิน่าเขาถึงบอกว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นช่างมีน้ำอด น้ำทนเหลือเกิน?!
อีกคนพอเมาแล้วแก้ผ้าหมดเลย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เขาทำเป็นประจำเมื่อเมา"
สนธิเล่าให้ฟัง
ข้ามจากเกาะญี่ปุ่นลงมาทางใต้ คือ ไต้หวันและฮ่องกง พิธีการดื่มเหล้าคนที่นี่เขาก็เฮฮากันดี
ส่วนใหญ่มักจะดื่มบรั่นดีกัน ยิ่งถ้าเป็น VSOP หรือ XO แล้วยิ่งชอบนัก
คนจีนดื่มบรั่นดีเก่ง และชอบใส่ น้ำแข็งในแก้วบรั่นดี นอกจากบรั่นดีแล้วก็ยังชอบดื่มเหล้าเส้าชิง
ซึ่งต้องอุ่นให้ร้อนหน่อย เวลาไปกินเลี้ยงกับคนจีนนั้น ไม่เมา ก็ต้องเมา
ดื่มเหล้าไม่เป็นก็ต้องกัดฟันดื่ม
ในไทเปและฮ่องกงนั้น การดื่มเหล้า ของนักธุรกิจจีนจะเป็นการดื่มแบบต้องหมดขวด
พวกนี้เวลาดื่มเหล้าจะเริ่มจากเหล้าสาเกบ้าง เกาเหลียง (คุณสามารถจุดไฟติดได้)
บ้าง แล้วก็จะต่อด้วยบรั่นดี
วิสกี้จะไม่ค่อยมีใครดื่มกันในไทเปและฮ่องกง ต่างกับเมืองไทยที่วิสกี้นั้นจะมาก่อนพร้อมเบียร์
การดื่มเหล้าของนักธุรกิจนั้นจะเป็น ที่เมืองไทยหรือเมืองนอก จะเป็นนิวยอร์ก
ไทเป หรือใน Pub แถวๆ กรุงลอนดอนนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกันนักหรอก ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพื่อให้ทุกอย่างเป็นกันเอง
อะไรที่มันดูยากก็อาจจะง่ายขึ้น เพราะบางครั้งเหล้าอาจจะทำให้นักธุรกิจกล้าพอที่จะพูดสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
(หมายเหตุ ประสบการณ์ในต่างแดน ของสนธินี้เป็นหนึ่งในงานเขียนโครงการ พ็อกเกตบุ๊คของ
Manager Classic เรื่อง "The Global Link ศึกษาธุรกิจผ่านการเดินทาง")