"สหัส ตันติคุณ" เดินหน้าปรับองค์กรเพิ่มความคล่องตัว ล่าสุดปรับทีมออกแบบใหม่และฝ่ายพัฒนาธุรกิจหวังความต่อเนื่องของการพัฒนาที่ดิน แจงที่ดินสะสมในมือย่านรามอินทรา ถนนวิภาวดีรังสิต ซอยวัชรพล ถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีกว่า 171 ไร่ รับการพัฒนาได้ถึงปี 2549

นายสหัส ตันติคุณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับจากเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ ได้ประมาณ 5 สัปดาห์ เข้ามาปรับปรุงระบบงานในบางส่วนที่ทำให้การดำเนินงานของบริษัทมีความล่าช้า เพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงในการดำเนินงาน โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อาทิ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการออกแบบใหม่ ซึ่งเดิมบริษัทมีทีม สถาปนิกออกแบบอาคารเทคนิคพิเศษและอาคารสูง ส่วนแนวราบนั้นใช้บริการจากสถาปนิกภายนอกโดยผ่านทีมประสานงานที่มีความรู้ความสามารถด้านการออกแบบของบริษัท ซึงทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบ ดังนั้นจึงได้จัดตั้งทีมที่มีอยู่เดิมเป็นหน่วยงาน และให้ทีมประสานงานเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบ ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานมีความรวดเร็วมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มงานให้กับฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเดิมทำหน้าที่จัดซื้อจัดหาที่ดินเพียงอย่างเดียว ภายหลังได้เพิ่มเติมงานในด้านวางแผนองค์กรเข้าไป ซึ่งที่ผ่านมาเอสซีฯ ประสบปัญหาการไม่ต่อเนื่องของโครงการ ทำให้รายได้ที่เข้ามาเกิดความไม่ต่อเนื่อง เพราะพัฒนาโครงการไม่ทันหรือไม่มีที่ดินที่เหมาะสมจะพัฒนา เช่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีโครงการขายเพียง 2 โครงการเท่านั้น รวมไปถึงปัญหาการวางแผนเปิดโครงการในช่วงเวลาหรือจังหวะที่ไม่เหมาะสมทำให้ยอดขายไม่ได้ตามเป้าหมายหรือล่าช้า อีกทั้งยังได้โอนย้ายฝ่ายติดต่อราชการให้ไปอยู่กับฝ่ายกฎหมาย จากเดิมอยู่ฝ่ายสำนักพัฒนาธุรกิจซึ่งไม่เกี่ยวเนื่องกัน

ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2549 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างทำแผนงาน และเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2549 ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ยังคงตามเดิมคือ โครงการบางกอกบลูเลอร์วาร์ด แจ้งวัฒนะ บ้านเดี่ยวขนาด 52 ตารางวา ราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป บนพื้นที่ขาย 39 ไร่ จำนวน 116 หลัง มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เปิดขายต้นปีหน้า และล่าสุดได้เปิดโครงการ วิสต้า พาร์ค วิภาวดีรังสิต ทาวน์เฮาส์ ราคา 3.9-6 ล้านบาท จำนวน 202 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 23 ไร่ มูลค่าโครงการ 890 ล้านบาท โดยยังเหลือที่ดินภายในโครงการอีกประมาณ 30 ไร่ด้านหน้า เพื่อพัฒนาเป็นคอมเมอร์เชียล ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษากลุ่มลูกค้าและรูปแบบของสินค้าที่จะพัฒนา

ทั้งนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่รองรับการพัฒนาได้ถึงปี 2549 อยู่จำนวน 171 ไร่ อาทิ ถนนรามอินทรา ถนนวิภาวดีรังสิต ซอยวัชรพล ถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ซึ่งในส่วนทำเลปิ่นเกล้านั้นบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาเป็นบ้านระดับบนราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่จะต้องรอจังหวะที่เหมาะสมคือเมื่อเศรษฐกิจดีตลาดบ้านระดับบนก็จะดีตาม