Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 พฤศจิกายน 2548
ยักษ์ใหญ่ "เอไอเอ" เลื่อนตั้งบลจ.อ้างขอเวลาประเมินสถานการณ์             
 


   
www resources

โฮมเพจ อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ)

   
search resources

อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์, บจก.
Funds




AIA ร่อนหนังสือถึงสำนักงาน ก.ล.ต.ขอเลื่อนจัดตั้ง บลจ.ออกไปก่อน อ้างบริษัทแม่อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ ขณะที่ธุรกิจกองทุน สำรองเลี้ยงชีพเตรียมบุกตลาดด้วยการเปิดทางเลือก สมาชิกกองทุนสามารถเลือกนโยบายการลงทุนได้ผ่าน Multiple Funds Choice คาดมูลค่าทรัพย์สินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขยายตัว 10-15% ในปีหน้า เผยผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรก สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

นางภควิภา เจริญตา รองประธานฝ่ายจัดการกองทุน บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (AIA) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการขออนุญาตจัดตั้งบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ว่า ล่าสุดบริษัทแม่ได้มอบนโยบายให้เลื่อนการจัดตั้งบลจ.ออกไปก่อน โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากบริษัทแม่อยู่ระหว่างจัดโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ และประเมินสถานการณ์ตลาดใหม่

"เราได้ทำหนังสือไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเลื่อนจัดตั้ง บลจ.ไปแล้ว เนื่องจากบริษัทแม่ต้องการประเมินสถานการณ์ตลาด" นางภควิภากล่าว

นางภควิภากล่าวว่า บริษัทได้พัฒนากองทุนสำรองเลี้ยงชีพรูปแบบใหม่ Multiple Funds Choice เพื่อให้สมาชิกกองทุนสามารถเลือกกองทุน ที่มีนโยบายการลงทุนที่มีความสอดคล้องกับความต้องการ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของสมาชิก

จากข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 เอไอเอมีพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการ 11,394.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ 10,246.78 ล้านบาท

นางภควิภากล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการของเอไอเอในปีที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยทุกกองทุนให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยในส่วนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 2% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนติดลบสูงถึง 14% ส่วนพอร์ตการลงทุนในปี 2548 ในช่วง 9 เดือนแรก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยรวมให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยในส่วนของกองทุนผสม ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้และตลาดหุ้นให้อัตราผลตอบแทนสูงถึง 4%

สำหรับรูปแบบของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรูปแบบใหม่ Multiple Funds Choice คณะกรรมการกองทุน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายนายจ้าง และตัวแทนฝ่ายลูกจ้างหรือฝ่ายสมาชิก จะร่วมกับบริษัทจัดการกองทุน พิจารณาเลือกกองทุนตามประเภทของการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยอาจเลือกกองทุนจำนวน 2-4 กองทุน จากนั้นจะกำหนด แผนการลงทุน โดยในแต่ละแผนการลงทุนจะประกอบด้วยสัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกัน เช่น แผนการลงทุนที่ 1 อาจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ 100% แผนการลงทุนที่ 2 จะลงทุนในตราสารหนี้ 60% และกองทุนหุ้น 40% และแผนการลงทุนที่ 3 อาจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ 40% กองทุนหุ้น 40% และกองทุนต่างประเทศ 20% ซึ่งสมาชิกกองทุนสามารถเลือกแผนการลงทุนใดก็ได้ที่คาดว่าจะให้ผล ตอบแทนที่ดี และอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่ตนยอมรับได้ ซึ่งจะต่างจากรูปแบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยทั่วไปที่จะถูกนำไปลงทุนตามกรอบนโยบายเดียว สมาชิกไม่สามารถที่จะแบ่งเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์อื่นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่จูงใจกว่าได้

นางภควิภากล่าวว่า ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังคงมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในส่วนของการคิดค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกับลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีนโยบายที่จะแข่งขันในจุดนี้ โดยคาดว่าหลังจากที่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เชื่อว่าจะกระตุ้นตลาด และทำให้สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการขยายตัวประมาณ 10-15% ในปี 2549 และถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนในสถานการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องปรับรูปแบบการลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูงใกล้เคียงกับเงินเฟ้อ

ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างสรุปผลการศึกษา และแนวทางการจัดตั้ง เชื่อว่าการเกิดขึ้นของ กบช.จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทจัดการทั้งระบบ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวทางการจัดตั้ง กบช.กระทรวงการคลังจะนำรูปแบบที่เหมาะสมมาใช้เพื่อไม่ให้กระทบธุรกิจโดยรวมมากจนเกินไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us