Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์10 พฤศจิกายน 2548
ถึงเวลา Cross Sexment สร้างตลาดใหม่เพศตรงข้าม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ไนกี้ จำกัด
โฮมเพจ โซนี่ ประเทศไทย

   
search resources

โซนี่ ไทย, บจก.
ไนกี้ (ประเทศไทย), บจก.
Marketing
Cosmetics
Direct sale




* เจ้าของสินค้าฝ่าภาวะตลาดอิ่มตัว ยอดขายฝืด พร้อมใจทุบกรอบการตลาด
* แบรนด์หนุ่ม ขยับไปขายกลุ่มสาว สินค้าสาว เพิ่มไลน์รุกขายเป้าหมายหนุ่ม
* เครื่องสำอาง ชุดชั้นใน ชุดกีฬา ห้างสรรพสินค้า นาฬิกา ฯลฯ

ความรุนแรงของการแข่งขันทางการตลาด นับวันยิ่งทวีความหนักหนาสาหัสให้กับมือการตลาดต้องขบคิด ปัจจัยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซายาวนาน มองไม่เห็นแสงที่ปลายทาง กำลังซื้อผู้บริโภคหดหมาย อัตราการเติบโตคืบไปปีละนิด หรือบางตลาดก็ถึงกับถอยหลัง แต่คู่แข่งกลับเพิ่มหน้า เพิ่มตามากขึ้น แบ่งแยกตลาดซอยถี่ยิบ เหลือส่วนแบ่งกันคนละไม่เท่าไหร่

กลยุทธ์เดิม ๆ ที่เจ้าของสินค้ามักพยายามหลีกหนีการแข่งขัน ถ้าไม่ออกไปแนวกว้าง ขยายกลุ่มผู้ใช้ไปหากลุ่มอายุมากกว่า หรือน้อยกว่า ก็มักจะมุดลงไปแนวลึก หาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการให้เฉพาะกลุ่มมากขึ้น

หนีไปมา เจาะตลาดจนทั่วแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจสลัดจากเงาของคู่แข่งที่วิ่งตามมาได้ สร้างความชะงักงันเกิดภาวะอิ่มตัวให้กับสินค้าหลายต่อหลายรายการ

Cross Sexment การตลาดข้ามเพศ

ดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักการตลาดชั้นแนวหน้าของไทย เคยกล่าวถึงการตลาดก้าวข้ามเพศว่า เป็นการตลาดนอกกรอบ ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ได้ดีในสภาพตลาดที่เกิดภาวะอิ่มตัว เป็นการสร้างดีมานด์ใหม่ให้เกิดขึ้นในตลาด แต่ความสำเร็จของการลงมาสร้างตลาดนี้จะกระตุ้นให้อัตราการเติบโตเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ถึงวันนี้ เจ้าของสินค้าพาเหรดกันทุบกรอบการตลาด เจาะตลาดข้ามเพศกันคึกคัก

โซนี่ -ไนกี้ หันหาสาวแทนหนุ่มๆ

แม้ว่าทั้งโซนี่และไนกี้ จะเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจ ด้วยการมุ่งเป้าหมายไปที่การเดินคู่ขนานไปแบบติดตัวและติดหูกับการดำเนินวิถีชีวิตของลูกค้าในกลุ่มผู้ชายมาตลอดอายุของกิจการ แต่ตอนนี้ นักการตลาดได้เริ่มจับตามองความเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างทางการตลาดครั้งใหญ่ของทั้งสองบริษัท และพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูมากขึ้น เกี่ยวกับการที่โซนี่และไนกี้ ได้เริ่มหันมาปรับเปลี่ยนโครงสร้างลูกค้าเป้าหมายและส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างจริงจังพร้อมกัน โดยที่ไม่ได้มีการนัดหมายกันมาก่อน

ความเปลี่ยนแปลงที่ว่าก็คือ การที่ทั้งสองหันไปให้ความสำคัญและขยายส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งสัดส่วนของรายได้จากสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้นอย่างชัดเจน

สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ นอกจากบริษัททั้งสองได้ออกมาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของธุรกิจพร้อมๆ กันแล้ว ทั้งคู่ยังเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดและส่วนผสมทางการตลาดที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย คือ การแยกร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าสำหรับผู้หญิงออกไปบริหารกิจกรรมทางการตลาดอย่างเป็นเอกเทศต่างหาก จากสินค้าที่บริษัทยังคงจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าผู้ชาย

กลยุทธ์สำหรับดึงรายได้จากลูกค้าผู้หญิง ในกรณีของโซนี่ คือ การเปิดร้านโซนี่ สไตล์ และทำการฉีกแนวทางการตลาดออกไปอย่างชัดเจน

แนวทางการตลาดหลัก ๆ ของร้าน โซนี่ สไตล์ คือ

ประการแรก การนำเสนอสินค้าแบบเดียวกับกลุ่มสินค้าแฟชั่นระดับไฮโซ ด้วยการจัดหาสถานที่ตั้งของร้านโซนี่ สไตล์ ในย่านที่เป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งของสาวสังคมชั้นสูง โดยเป้าหมายเบื้องต้นของร้านโซนี่ สไตล์คงอยู่ในราว 50-60 แห่ง คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 15 ร้านในปีนี้

ประการที่สอง รูปแบบที่โดดเด่นของร้าน โซนี่ สไตล์ คือ เก้าอี้หรู และแสนสบายใช้สำหรับรับแขก ที่วางรอให้บริการตรงประตูทางเข้า พร้อมกับพนักงานที่สามารถให้คำแนะนำได้

ประการที่สาม รูปแบบของคำแนะนำ มีทั้งการให้คำปรึกษาเพิ่มความรู้ความเข้าใจทางเทคนิค และการให้คำปรึกษาในประสาเพื่อนหญิงทั่วๆ ไป

สำหรับไนกี้ หลังจากที่ได้ทดลองใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมากมาย มาถึงตอนนี้ผู้บริหารตัดสินใจออกหมัดเด็ด ด้วยการพัฒนาตลาดรองเท้าสำหรับลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ แยกต่างหากจากรองเท้ากีฬาทั่วไป ที่เคยใช้ได้ทั้งลูกค้าเพศหญิงและชาย พร้อมเปิดร้านใหม่ชื่อ ไนกี้วูแมน โดยมีลักษณะสำคัญ คือ

ประการแรก ตั้งร้านไนกี้วูแมนเฉพาะในย่านชอปปิ้งหรู อย่างเช่น ออร์ชาดในสิงคโปร์ โดยทยอยเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป

ประการที่สอง เป้าหมายหลักของไนกี้วูแมน คือ ต้องการให้กลุ่มลูกค้าที่ทรงอิทธิพลในฐานะของต้นแบบของผู้หญิงอื่นในสังคม เลือกใช้สินค้าของไนกี้ และช่วยสร้างกระแสพฤติกรรมการเลียนแบบติดตามมา

ประการที่สาม บรรยากาศภายในร้าน จะใช้การจัดดีสเพลย์ สินค้าที่มีโทนสีเดียวกันและเข้ากันได้ พร้อมทั้งอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เกี่ยวข้องครบชุด พร้อมทั้งใช้เทคนิคด้านแสง เข้าไปช่วยเพิ่มความโดดเด่นของสินค้าภายในร้าน

ประการที่สี่ สินค้าที่ไนกี้ เลือกมาจัดวางในร้านไนกี้วูแมน คือ เสื้อผ้าและอุปกรณ์การเล่นโยคะ เต้นรำ และชุดลำลองในสไตล์สปอร์ต ที่สามารถใส่ไปไหนมาไหนได้ตลอดทั้งวัน รวมทั้งชุดและอุปกรณ์การเล่นเทนนิส ตลอดจนชุดสำหรับวิ่งด้วย

ประการที่ห้า การปรับเปลี่ยนช่องทางการจำหน่าย จากเดิมไนกี้จะจำหน่ายสินค้าสำหรับผู้หญิง โดยให้ลูกค้าสั่งซื้อผ่านทาง อี-แคตตาลอก ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ NikeWoman.com มาเป็นการวางสินค้าให้ลูกค้าได้จับต้อง สัมผัส และลองสวมใส่ดูก่อนตัดสินใจได้

เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว ไนกี้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนทีมงานในต่างประเทศ เพื่อรองรับการปรับตัวครั้งนี้ด้วย ทั้งในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา หลังจากที่การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของไนกี้เติบโตในอัตรา 33% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วนในราว 50% ของรายรับเฉลี่ยทั้งปีของบริษัท การที่ไนกี้หวนกลับมาพยายามปรับความสมดุลระหว่างกิจกรรมด้านกีฬาและผู้หญิง เป็นการพัฒนาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนสำหรับบริษัท เรื่องนี้จึงเป็นครั้งแรกของความพยายามด้านนี้ของไนกี้ด้วย

หากร้านไนกี้วูแมนได้ผลก็จะทำให้ไนกี้สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นผู้หญิงได้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก และสามารถเสนอบริการระดับมืออาชีพให้กับกลุ่มผู้หญิงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในขณะที่ยังคงรักษาความเป็นเจ้าแห่งรองเท้ากีฬาไว้อย่างที่เคยเป็น และยังสามารถสร้างความแปลกใหม่และสดใสให้กับเสื้อผ้า เครื่องประดับสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ เป็นสมบัติแสนสวยที่ใช้ประกอบกับรองเท้าคู่งามแสนสบายที่ได้ซื้อจากไนกี้

นักการตลาดส่วนใหญ่ เชื่อกันว่า การปรับแนวความคิดทางการตลาด ด้วยการพร้อมใจกันหันไปจับตลาดผู้หญิงของทั้งโซนี่ และไนกี้ น่าจะเป็นผลมาจากการสำรวจวิจัยทางการตลาดก่อนหน้านี้ และการเก็บประวัติการติดต่อของลูกค้าเข้าไปยังบริษัท พบว่าสำหรับผู้หญิงในตัวเมืองหลักแล้ว มีสัดส่วนถึง 65% ของการใช้จ่ายทั้งหมดของสังคมเมือง ในขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงในการซื้อหาสินค้ามีเพียง 35% เท่านั้น

ยิ่งกว่านั้น ผู้หญิงที่มีอำนาจซื้อสูงในเมืองยังตัดสินใจซื้อโดยเลือกแบรนด์เนมเป็นสำคัญ เพราะความเชื่อถือในอิมเมจของแบรนด์เหล่านั้น ในขณะที่สนใจส่วนลดจากราคาป้ายสินค้าน้อยกว่า

ด้วยเหตุนี้ จึงน่าจะเป็นเรื่องไม่ยากเย็นที่สินค้าแบรนด์เนมระดับชั้นนำของโลก อย่างโซนี่ และไนกี้ จะเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มนี้ ด้วยการแทรกตัวอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขายสินค้าแฟชั่นที่เป็นแบรนด์เนมดัง ในย่านชอปปิ้งหรู ที่บรรดาสาว ๆ เหล่านี้ไปใช้เงินกัน

นอกจากการเลือกทำเลแล้ว ทั้งสองบริษัทยังเข้าไปกำหนดตำแหน่งทางการตลาดที่ใกล้เคียงกันด้วย นั่นคือ เน้นความเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิต ในด้านบันเทิงของกลุ่มผู้หญิง และพยายามทำให้เห็นว่าที่ไหนหรือส่วนใดในบ้านของกลุ่มลูกค้า ที่น่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งหรือวางสินค้าของตน

สิ่งเดียวที่มีความแตกต่างกันของการส่งเสริมการตลาดของสองบริษัท คือ โซนี่ ใช้พรีเซนเตอร์ที่สวยเซ็กซี่ เพื่อจะสื่อให้เห็นว่า สาวสวยก็ยังต้องการคำแนะนำและการตัดสินใจเลีอกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับตนเหมือนกัน

เครื่องสำอางแฮปปี้ ลุยตลาดผู้ชายกันเพียบ

นักการตลาดในระดับโลกเพิ่งออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้ตลาดเครื่องสำอางไม่ใช่ตลาดของลูกค้ากลุ่มผู้หญิงอีกต่อไป หากแต่เป็นตลาดของลูกค้าผู้ชายมากขึ้น ที่จริงประวัติของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้ชายเริ่มมาตั้งแต่ปี 1976 โดยบริษัทผู้นำในตลาดเครื่องสำอางอย่าง คลินิก (CLINIQUE) ได้บุกเบิกตลาดเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายเป็นรายแรกของโลก

ด้วยเหตุนี้ แบรนด์เครื่องสำอางใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่ออกมาวางล่อตาล่อใจลูกค้าในตลาด อย่างเช่น ไบโอเธิร์ม (BioTherm) และ คลาแรงน์ เมน สำหรับผู้ชายจึงสามารถสร้างยอดการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าผู้ชายให้เติบโตอย่างน่าพอใจ และประสบความสำเร็จในการวางตำแหน่งทางการตลาดอย่างง่ายดายในชั่วเวลาอันสั้น

อย่างเช่นในปีที่ผ่านมาเครื่องสำอางที่มุ่งเจาะตลาดลูกค้าผู้ชายมีอัตราการเติบโตของยอดขายถึง 18% จากปีก่อนหน้า เทียบกับอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายเครื่องสำอางที่เน้นเฉพาะผู้หญิงเพิ่มขึ้นเพียง 8% เท่านั้น ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของเครื่องสำอางตลาดผู้ชายรวมกันแล้วมีมูลค่ากว่า 52 ล้านดอลลาร์ จากยอดการจำหน่ายรวมประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ และทำท่าว่าในอนาคต ส่วนแบ่งรายได้ที่มาจากลูกค้ากลุ่มผู้ชายจะยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วอย่างน่าทึ่งต่อไป

จากผลการสำรวจโพลล์ทางอุตสาหกรรมในต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้ยังพบอีกว่า 77% ของผู้ชายสมัยใหม่ คิดว่าการทำสีผมให้เป็นประกายหรือแตกต่างจากสีธรรมชาติเดิมของแต่ละคนเป็นเรื่องหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่ต้องทำเพื่อให้กลมกลืนและสอดคล้องกับแนวเทรนของการแต่งตัวและแฟชั่นสมัยใหม่

ที่จริง นักการตลาดพบว่าความสนใจอย่างจริงจังต่อการใช้เครื่องสำอางของกลุ่มลูกค้าผู้ชายนั้นเพิ่งจะเริ่มได้ราว 2-3 ปีมานี้เอง แต่ได้กลายมาเป็นแหล่งรายได้สำคัญของผู้ประกอบกิจการเครื่องสำอางที่ตกอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่จากการหดหายของลูกค้าในกลุ่มผู้หญิง ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายหน้าใหม่ๆกล้ากระโดดเข้าไปแย่งส่วนแบ่งของกำไรจากตลาดในกลุ่มนี้ทั้งหมด ทำให้สายผลิตภัณฑ์ของเครื่องสำอางในกลุ่มผู้ชายขยายตัวอย่างรวดเร็ว

หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า เครื่องสำอางที่ผู้ชายแสวงหากันอย่างเอาเป็นเอาตายตอนนี้จะรวมไปถึงบรรดาอุปกรณ์ในการแต่งเล็บ และผลิตภัณฑ์ทำสีผม ไม่ได้แตกต่างจากสินค้าที่เป็นที่โปรดปรานของกลุ่มผู้หญิงแม้แต่น้อย ทั้งนี้เพราะผู้ชายไม่ได้อับอายอีกต่อไปในการที่จะเปิดเผยตนเองให้คนอื่นรับรู้ว่าการทำเล็บ กรอหน้า ชัดผิว และทำสีผม ตลอดจนบอดี้ทรีตเมนต์ รวมถึงการแวกซ์กำจัดขน ตามจุดต่างๆบนร่างกายเพื่อให้มองดูสะอาดเอี่ยมไม่แพ้ผู้หญิง

มีการคาดหมายว่า การผลิตเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายแบบขนานใหญ่ในตลาดระดับกลางและระดับมวลชน จะยังมีโอกาสปรากฏให้เห็นในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเสริมแต่งบุคลิกภาพตนเองของผู้ชายที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นและซับซ้อนขึ้นจนไม่ต่างไปจากลูกค้าในกลุ่มผู้หญิง

ผู้นำในตลาดเครื่องสำอางผู้ชายตอนนี้ น่าจะเป็นแบรนด์นีเวีย แบรนด์คลินิก และเฮด แอนด์โชลเดอร์ ที่มียอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ ที่ถือว่าอยู่ในข่ายเครื่องสำอางสูงที่สุดในตลาดโลกในขณะนี้ เพราะแสดงบตำแหน่งทางการตลาดของเครื่องสำอางของตนอย่างชัดเจนว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้ชาย ด้วยการใช้หีบห่อใหม่ ข้อความที่ระบุคำว่า For Men เพื่อให้กลุ่มลูกค้าผู้ชายสบายใจและมั่นใจว่าได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มตนเองโดยเฉพาะ

นอกเหนือไปจากการให้ความสนใจและการเพิ่มรายจ่ายในด้านเครื่องสำอางแล้ว นักการตลาดส่วนหนึ่งชี้ว่าผู้ชายสมัยนี้สนใจไปยิมหรือฟิตเนส แม้แต่แผนกศัลยกรรมความงามกันมากขึ้น พร้อมกับความสนใจในแนวโน้มของแฟชั่นและสไตล์การแต่งกาย ท่าทางที่เป็นต้นแบบจากกลุ่มอ้างอิงมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและที่เริ่มทำงานไปได้ไม่นาน แถมต้องการความเชื่อมั่นทุกย่างก้าว จนผู้หญิงทุกวันนี้นึกหมั่นไส้ว่าตนยังไม่มีเวลาจะมองรูปโฉมของตนเองหน้ากระจกได้ถี่เท่ากับผู้ชายยุคดิจิตอลด้วยซ้ำ

ขายตรงขยายฐาน จับตลาดผู้ชาย

หากจะกล่าวถึงธุรกิจขายตรงแล้วเชื่อว่าในความรู้สึกของผู้บริโภคไทยจะนึกถึงนักขายสาวหน้าตาดี มีสินค้าหลักเป็นเครื่องสำอางมาแนะนำให้กับลูกค้า แต่ในยุคปัจจุบันที่ผู้ชายใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ทำให้ตลาดสกินแคร์สำหรับเพศชายมีการเติบโต ตลอดจนเมคอัพสำหรับผู้ชายก็ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการมีหน้าที่การงานที่ดีต้องออกสังคมพบปะผู้คนมากขึ้นทำให้ต้องดูแลบุคลิกมากเป็นพิเศษ บรรดาเครื่องสำอางขายตรงทั้งหลายจึงหันมามองตลาดผู้ชายเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างออกไป

ดีเอชซีซึ่งเป็นเครื่องสำอางขายตรงผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ที่โฟกัสตลาดหลักเป็นผู้หญิงวัย 20-30 ปี มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน ก็ยังไม่วายที่จะเก็บเกี่ยวลูกค้าผู้ชาย ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนจากภาพยนตร์โฆษณาที่พยายามเปลี่ยนทัศนะคติของผู้บริโภคว่าเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงก็สามารถใช้ได้กับผู้ชาย โดยไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นชายเสียไป

ในขณะที่มิสทินที่เป็นผู้นำตลาดขายตรงชั้นเดียวมานานหลายปีก็ประกาศที่จะวางจำหน่ายเครื่องสำอางชายในปีหน้า โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องหอมสำหรับผู้ชายภายใต้ซับแบรนด์ ท็อป คันทรี ซึ่งมีทั้งน้ำหอม โรลออน แป้งโรยตัวและครีมอาบน้ำ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี โดยในกลุ่มเครื่องสำอางชายมีการเติบโตที่น่าพอใจ ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมที่จะออกสกินแคร์สำหรับผู้ชายซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย เดย์ครีม ไนต์ครีม และครีมกันแดด

คิวท์เพรส ถือเป็นธุรกิจขายตรงอีกรายที่มีการเพิ่มไลน์อัพสินค้าผู้ชายเข้าไป โดยมองว่าผู้จำหน่ายส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั้งชายและหญิง ดังนั้นจึงเห็นโอกาสที่จะเกาะแระแสไปกับยุคที่ผู้ชายมีการดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกจะมีสินค้าสำหรับผู้ชาย 5 รายการ โดยจะเจาะตลาดแมส

นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจขายตรงหลายชั้นที่มีการออกเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย โดยเหตุผลหลักก็ไม่ต่างจากรายอื่นๆที่ว่าเป็นยุคที่ผู้ชายมีความเจ้าสำอางมากขึ้นซึ่งไม่ได้แปลว่าเขาจะผิดเพศแต่อย่างใด ทั้งนี้แอมเวย์ได้ประกาศในช่วงกลางปีที่ผ่านมาว่าจะออกสินค้าผู้ชายภายใต้แบรนด์ ทอลซั่ม ซึ่งได้มีการทำตลาดไปก่อนหน้านี้ที่ประเทศสหรัฐและเกาหลี

สำหรับกรณีของกิฟฟารีนอาจมีเหตุผลในการรุกตลาดผู้ชายที่แตกต่างจากรายอื่นตรงที่มีสมาชิกนักขายเป็นชายมากกว่าหญิง โดยสัดส่วนล่าสุดเป็นชายมากถึง 55% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 2 ปีก่อนที่มีสัดส่วนนักขายชายเพียง 35% เท่านั้น

ทั้งนี้ในการทำธุรกิจขายตรงหลายชั้นจำเป็นที่นักขายจะต้องมีการใช้สินค้านั้นๆก่อนเพื่อเป็นการรับประกันคุณภาพให้กับผู้ที่ถูกชักชวนให้เป็นสมาชิก ดังนั้นการมีสินค้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะนอกจากจะช่วยผลักดันให้กิฟฟารีนมียอดขายเพิ่มขึ้นแล้วยังช่วยให้การหาสมาชิกใหม่ที่เป็นผู้ชายง่ายขึ้นเพราะมีสินค้าที่หลากหลาย

WIS for MEN by Giffarine เป็นแบรนด์เครื่องสำอางสำหรับผู้ชายของกิฟฟารีนซึ่งในช่วงแรกมีการออกสินค้า 8 รายการจากนั้นจะค่อยๆเพิ่มไลน์อัพในปีหน้าต่อไป โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 10,000-15,000 ชิ้นต่อเดือนต่อรายการ และจะเพิ่มเป็น 50,000 ชิ้นต่อเดือนต่อรายการในปีหน้า

ราโดจูนภาพลักษณ์ หันเอาใจสตรี

นาฬิการาโด เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่หันกลับมามองอีกฝั่งของกลุ่มผู้ใช้หลัก เดิมเป็นนาฬิกาที่มุ่งเจาะกลุ่มบุรุษ เคยมีสัดส่วนของลูกค้าชายสูงถึง 65% ในปีนี้มีการส่งคอลเลคชั่นใหม่ที่ประดับด้วยอัญมณี พร้อมแต่งตั้งไฮโซสาว "หนิง ศรัยฉัตร กุณชร ณ อยุธยา เป็นทูตสันถวไมตรีเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ราโดที่อยู่ในระดับไฮเอนท์ เป็นเวลา 2 ปี ตั้งเป้าปรับสัดส่วนลูกค้าสตรีให้ขึ้นมาเทียบกับลูกค้าบุรุษ ในสัดส่วน 47% / 53% ตามลำดับ

"จ๊อกกี้"สุดทนเสน่ห์หญิง ขึ้นไลน์ขั้นในแนวเซ็กซี่

จ๊อกกี้ แบรนด์ที่รู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะผู้จำหน่ายสินค้าชั้นในสำหรับผู้ชายมานานเกือบ 130 ปี ก็หันมาให้ความสนใจลูกค้าเพศตรงข้ามเช่นกัน ด้วยการออกสินค้าชุดชั้นในสำหรับผู้หญิงอย่างเต็มรูปแบบ โดยบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ 2525 ขณะที่ประเทศไทยเริ่มนำเข้ามาจำหน่ายโดยเซ็นทรัล ที่ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2543 ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการขยายขอบเขตการทำตลาดชุดชั้นในให้คลอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม แม้ว่าขณะนั้นตลาดชุดชั้นในโดยรวมจะหดตัวลดลง แต่จากศักยภาพของตลาดรวมคาดว่าจะมีโอกาสเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% ทำให้จ๊อกกี้สยายปีกเข้ามาหาลูกค้ากลุ่มผู้หญิง จากเดิมที่จับลูกค้าผู้ชายเพียงกลุ่มเดียว

นอกจากนี้ จากพฤติกรรมของผู้หญิง ที่มีความถี่ในการซื้อชุดชั้นในรวมทั้งมีจำนวนชิ้นต่อการซื้อ 1 ครั้งมากกว่าผู้ชาย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้น โดยปัจจุบันผู้หญิงมีพฤติกรรมซื้อชุดชั้นในเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง เป็นไปได้ว่าอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จ๊อกกี้ หรือแม้แต่แบรนด์อื่นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นในสำหรับผู้ชายหันมาให้ความสนใจตลาดผลิตภัณฑ์ชั้นในสำหรับผู้หญิงมากขึ้น

ล่าสุด เพื่อตอกย้ำและสร้างความชัดเจนเรื่องการรุกตลาดชุดชั้นในผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง เซ็นทรัลได้ทำการจัดโรดโชว์ "รณรงค์ประหยัดพลังงาน ด้วยการสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น" ที่สยามเซ็นเตอร์ ภายใต้ชุดชั้นในคอนเซ็ปต์ใหม่ "Anywhere Anytime I'm Sexy" ที่ถือเป็นการทำตลาดรูปแบบใหม่ ครั้งแรกของจ๊อกกี้ โดยมีโอเด็ต เฮนเรียต แจ๊คโคมิน และนางแบบชั้นนำมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งเซ็นทรัลคาดว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายสินค้ากลุ่มผู้หญิงมีสัดส่วนใกล้เคียงกลุ่มผู้ชายได้ ภายใน 3 - 5 ปี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนผู้ชายประมาณ 70 - 80% ผู้หญิง 20 - 30% เช่นเดียวกับอเมริกาที่เริ่มมีสัดส่วนใกล้เคียงกันแล้ว โดยตั้งเป้าสิ้นปีจ๊อกกี้จะมียอดขายกว่า 400 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us