|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.ทิสโก้ เปิดแผนปี 49-ปีจอ รุกเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศมากขึ้นหวังเพิ่มลูกค้าต่างประเทศเป็น 30% ดันมาร์เกตแชร์ 4% คาดสิ้นปีดัชนี 740 จุด ส่วนปี 49 เห็น 800 จุดจากดอกเบี้ยชะลอขึ้น เศรษฐกิจโต หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เด่น สินเชื่อโต 10% ด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา รีแบรนดิ้ง ปรับโฉมบริการใหม่มุ่งเน้นความต้องการเฉพาะตัว ของลูกค้า หวังติดท็อปไฟว์ ภายใน 3 ปี เล็งเจาะนักลงทุนรุ่นใหม่
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยถึงแผน การดำเนินงานปี 2549 ว่า บริษัทจะมีการขยายฐานลูกค้าสถาบันต่าง-ประเทศมากขึ้น โดยการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศอย่าง สม่ำเสมอทุกเดือน ไปทุกทวีปทั่วโลก แต่หลักๆ จะเป็น สิงคโปร์ ฮ่องกง ยุโรป และอเมริกา เพราะเป็นฐานนักลงทุน ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยคาด ว่าจะมีสัดส่วนลูกค้าเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ลูกค้าสถาบันในประเทศ 20% รายย่อย 50% จากขณะนี้ที่มีลูกค้าสถาบันต่างประเทศ 25% ลูกค้าสถาบันในประเทศ 25% นักลงทุนรายย่อย50%
การจะไปโรดโชว์ต่างประเทศนั้นก็จะมีวิธีการเลือกไปนำเสนอข้อมูลกับลูกค้าเป็นระดับขั้นบันได ซึ่งจะดูตามขนาดการบริหารเงินขนาดการลงทุนในไทย คือ ลูกค้าระดับสูง (Platinum) ก็จะมีประมาณ 15 ราย รองมาก็จะเป็น Gold และ Siliver ซึ่งใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาบริษัทก็เริ่มไปโรดโชว์ทุกเดือน ซึ่งจะเห็นผลว่ามีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัทในไตรมาส1/49
"ขณะนี้ต่างประเทศซื้อขายหุ้นไทยสูงขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 28% จากปี 47 ที่มี 21-22% และการ่วมมือ กับ Deutsche Bank (DB) มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ก็จะทำให้มีฐานลูกค้ามากขึ้น โดยบริษัททำบทวิจัย ที่เจะลงลึกรายละเอียดมากขึ้น ให้แก่ DB เพื่อเปลี่ยนชื่อเป็น DB นำไปให้ลูกค้าในต่างประเทศ"
รวมถึงบริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้า ระดับสูง (High Net Worth) โดยตั้งทีม Platinum จำนวน 6 คน ซึ่ง มาจากผู้บริหารกองทุน ผู้ที่ทำงานด้าน วาณิชธนกิจเพื่อในการให้คำแนะนำโดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารของบริษัท ลูกค้าของธนาคารทิสโก้ ซึ่งจะต้องมีมูลค่าการซื้อขาย 20 ล้านบาท โดยคาดว่าปี 49 จะมีลูกค้า 30-50 ราย โดยบริษัทคาดจะมีมาร์เกตแชร์ ปี49 ที่ 3.5-4% ทิสโก้คาดดัชนีปีหน้า 800
การคาดการณ์ดัชนีปี 2549 จะอยู่ที่ 800จุด จากปี 2548 ที่ 740 จุด เนื่องจากคาดว่าการปรับขึ้นของดอกเบี้ยจะหยุด โดย 3-4 เดือนแรกปีหน้าจะปรับขึ้นต่อและจะอยู่ที่ 4.5% หลังจากที่ปี 2548 ดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็ว คาดอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.4% การ เติบเศรษฐกิจที่ 4.5% และหากตลาดอนุพันธ์เกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักมากขึ้นรวมถึงราคาหุ้นไทยถือว่าถูกมีค่า P/E ที่ 8-9 เท่าจาก ประเทศอื่นในภูมิภาคสูงกว่า 10 เท่าขณะที่อัตราผลตอบแทนสูงถึง 4% จึงทำให้ต่างประเทศ มีมูลค่าซื้อขายต่อวันประมาณ 20,000-22,000 ล้านบาท ขณะที่ 10 เดือนปี 2547 อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท รวมถึงคาดว่ากำไรปี 2549 ของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้น 8%จากปี 2548 ที่ 15-16%
ธุรกิจที่จะน่าสนใจลงทุนในปีหน้า คือกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้ รับผลดีจาการเศรษฐกิจการลงทุนของ ภาครัฐและเอกชนซึ่งจะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อที่ดี โดยคาดว่าจะมีการปล่อยสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้น 10% จากปี48 ที่ปล่อยได้ 6-7%
ทั้งนี้ แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศจะเป็นตัวผลักดันตลาด เพราะต่างประเทศถือหุ้นไทยสูงถึง 32% แต่จะเป็นการโยกเงินมากว่า AYS รีแบรนดิ้ง
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) หรือ AYS เปิดเผยว่า บริษัททำ รีแบรนดิ้ง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบ การให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ โดยจะมุ่งเน้นความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า ซึ่งบริษัทจะต้องมีความเข้าใจในลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่เคย ให้ความสนใจในเรื่องการลงทุนด้านหลักทรัพย์มาก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าวด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจ และการทำงานอย่างใกล้ชิดด้วยข้อมูลที่เจาะลึก และเข้าใจง่าย และรูปแบบการบริการ ที่จะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความพอใจสูงสุด ของลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็น บริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดติด 1 ใน 5 ที่มีมาร์เกตแชร์สูงสุดภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีมาร์เกตแชร์อยู่ในระดับ5% ขณะที่ปัจจุบันนี้บริษัทมีมาร์เกต-แชร์ประมาณ 2.7-2.8% และในปี 2549 จะมีมาร์เกตแชร์อยู่ในระดับ 3.2-3.5%
ปัจจุบันนี้มีนักลงทุนที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง 90% และอีก 10% ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้ง แต่ในระยะยาวนั้นตั้งเป้าหมายว่าจะมีลูกค้ารายใหญ่และนักลงทุนสถาบันจำนวน10% และลูกค้าที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งจำนวน 30% ส่วน อีก 60% นั้นจะเป็นลูกค้าที่ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้ง
การปรับรีแบรนดิ้งนั้นในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทก็จะหันมาเน้นการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นมากขึ้น จากเดิมที่จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการและการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการปรับโครงสร้างหนี้ นอกจาก นี้บริษัทจะมุ่งเน้นในธุรกิจตลาดอนุพันธ์
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจค้าหุ้น 500ล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากมูลค่าการ ซื้อขายโดยรวมลดลง ขณะที่รายได้ วาณิชธนกิจจะอยู่ที่ 60-80 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการขายสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น
|
|
|
|
|