|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย พร้อมเปิดตัว ม.ค.ปี 2549 เดินหน้าลุยธุรกิจรายย่อยทุกผลิตภัณฑ์ จับฐานลูกค้าเดิม เจาะกลุ่ม ลูกค้าใหม่ เพิ่มธุรกิจสินเชื่อบ้าน เอสเอ็มอี บริการธุรกรรมทางการเงินครบวงจร วางเป้าธุรกิจแบงก์เติบโตปีหน้า 20% ระบุเตรียมความพร้อม เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 พันล้านบาท อัปเกรดระบบไอทีใช้งบกว่า 2 พันล้านบาทสนับสนุนการให้บริการแก่ลูกค้า เสริมประสิทธิภาพเล็งเปิดสาขากรุงเทพฯ ต่างจังหวัด เพิ่ม 9 สาขา
นายพิริยะ วิเศษจินดา ประธาน จีอี มันนี่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จีอีพร้อมที่จะก้าวขึ้น เป็นธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย โดยคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอเปิดดำเนินธุรกิจได้ภายในเดือนมกราคมปี 2549 โดยที่ผ่านมาจีอีได้เตรียมพร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว ของบริษัทเงินทุน จีอี มันนี่ จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้เมื่อมีการ จัดตั้งธนาคารจีอี มันนี่ฯ มีทุนจดทะเบียนเป็น 5,304 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียนประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ทางกระทรวงการคลังได้กำหนดไว้ถึง 20 เท่า
สำหรับทุนจดทะเบียนของธนาคาร จีอี มันนี่ จำนวน 5,000 ล้านบาท ตามเกณฑ์ของกระทรวง การคลัง สามารถดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างครบวงจรได้เลย ซึ่งเบื้องต้นธนาคารมีนโย-บายที่จะคงดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรายย่อย ตามฐานเดิมที่มีโครงสร้างธุรกิจสินเชื่อรถยนต์เป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดคือ 65% ที่เหลือ 35% แบ่งสัดส่วนประมาณ 10-15% เป็นธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อ เพื่อซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระ
หลังจากการเปิดดำเนินการเป็นธนาคารเรียบร้อยในปีหน้าแล้ว ธนาคารจะมีการขยายพอร์ต ในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และธุรกิจ สินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวถือว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีโอกาสที่จะขยายตัวสูง
นอกจากเรื่องทุนจดทะเบียน แล้ว จีอียังมีการลงทุนด้านไอที เสริมความแข็งแกร่ง โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อวางระบบ Core Banking System การขยายขอบข่ายและขีดความสามารถของ Call center ในการให้บริการลูกค้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น การสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Centre) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างและจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้า และการอัปเกรดเทคโนโลยีบริหารความเสี่ยงและระบบ CRM (Customer Relationship Management)
การอัปเกรดเทคโนโลยี จะช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าที่มีความซับซ้อนได้รวดเร็วและละเอียดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อ เพื่อผู้บริโภคที่มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนในปีนี้เพราะจำนวนผู้ให้บริการที่เพิ่ม ขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความพร้อมในการขยายธุรกิจรวดเร็ว เทคโนโลยีไอทีกลยุทธ์ CRM และนโยบายบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพจะเป็น 3 ปัจจัยหลัก ที่ช่วยให้บริหารความสามารถในการแข่งขันได้ในระยะยาว
สำหรับการเตรียมพร้อมในด้านอื่นๆ เพื่อทำธุรกิจธนาคารราย ย่อยนั้นมี 3 ปัจจัยหลัก คือ
1.การสร้างระบบ Core Banking ถือเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจ ธนาคาร ที่จะต้องมีระบบไอทีที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินพื้นฐานได้ ซึ่งครอบคลุมการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า การรับฝากเงิน การทำธุรกรรมที่เคาน์เตอร์ธนาคาร การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การอนุมัติทางออนไลน์ ระบบเคลียริ่งเช็ค และระบบการบริหาร จัดการข้อมูล
2.งานด้านการสร้างเครือข่าย สาขา ประกอบด้วย การออกแบบ สาขาต้นแบบและสำรวจหาพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การขยายสาขาทั้งใน กรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะเปิดสาขาในปีหน้า 9 สาขา ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขต กรุงเทพฯ และตามจังหวัดใหญ่ๆในแต่ละภาค
3. ด้านการจัดสรรฝึกอบรม บุคลากร ซึ่งมีการพัฒนาอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปิดดำเนินธุรกิจธนาคารน่าจะมีพนักงานประมาณ 300 คนในปีแรก ผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารจะนำเสนอและให้บริการเป็นบริการเงินฝาก สินเชื่อประเภทต่างๆ เช่น สินเชื่อบุคคลจีอี มันนี่ เพอร์ซัลนัลเครดิต สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเอสเอ็มอี
บริการธุรกิจนายหน้าประกัน ชีวิตและประกันวินาศภัย (Bancassurance) ซึ่งจะเน้นบริการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์ (คาร์ฟอร์แคช) สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อรถยนต์สำหรับบริษัท สินเชื่อคงคลังสำหรับดีลเลอร์รถยนต์ สินเชื่อเงินสดควิกแคช และสินเชื่อเพื่อการซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระเฟิร์สช้อยส์และเพาเวอร์บาย โดย มีเป้าหมายที่จะขยายพอร์ตในปีหน้าเติบโตประมาณ 20% จากในปีนี้ธุรกิจเติบโตประมาณ 25%
"จีอี มันนี่ มีการลงทุนและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจร่วมทุนกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตั้ง บริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ที่บริหารบัตรเครดิตกรุงศรี จีอี และบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า บริษัทเจเนอรัล คาร์ดเซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งบริหารบัตรเซ็นทรัลและ บัตรเซ็นทรัล มาสเตอร์การ์ด และ บริษัทเทสโก้ คาร์ดเซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งให้บริการบัตรเทสโก้ โลตัส วีซ่า"
สำหรับการประกอบธุรกิจช่วง 9 เดือน ธุรกิจของจีอี มันนี่ ในไทยเติบโตโดยรวมประมาณ 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีที่ผ่านมา คิดเป็นพอร์ตสินเชื่อประมาณ 145,000 ล้านบาท โดย ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ยังเป็นพอร์ต ใหญ่ที่สุดประมาณ 65% ที่เหลือจะเป็นธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งคาดว่าทั้งปีอัตราการเติบโตน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 9 เดือนคือ 25%
|
|
|
|
|