ไม่ว่าเราจะคิดอย่างไรกับอิทธิพลของอเมริกัน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธอิทธิพลอเมริกันที่ฝังรากทั้งในระดับโลกและสังคมไทยได้
ในเมื่อผู้คนในสังคมไทย ผู้คนที่มีอิทธิพลทางความคิดระดับกว้าง ยังใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการของ
Microsoft บริษัททรงอิทธิพลของอเมริกันที่เติบโตเพียง 30 ปีเท่านั้น คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงาน
และการใช้ ชีวิตด้านต่างๆ มากขึ้น หากวันหนึ่งวันใดคอมพิวเตอร์ ไม่มี O/S
ของ Microsoft สังคมไทยจะเป็นอัมพาต ไปทันที
อิทธิพลทางความคิดและกระแสสังคมของอเมริกันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ตราบใดวัยรุ่นไทยยังคลั่งไคล้ดูมิวสิกวิดีโอของเอ็มทีวี
เครือข่ายกิจการ บันเทิงของ Time Warner สื่อที่มีเครือข่ายครอบ คลุมทั่วโลก
รวมทั้งข่าวต่างประเทศที่ทีวีไทยทุกช่องอ้างกันเช่น CNN หรือแม้แต่เด็กยังดู
Cartoon Network ทั้งนี้ยังไม่รวมวิถีชีวิตในยุคเร่งด่วน คนไทย บริโภคอาหารจานด่วนของเมริกัน
ไปจนถึงดื่มกาแฟ ที่ดูมีรสนิยมของอเมริกัน ฯลฯ
อิทธิพลเหล่านี้ รากเหง้ามาจากบริษัทอเมริกัน
รากเหง้านี้ได้ฝังไว้เป็นมาตรฐานของบริษัทไทยสมัยใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว หลายปีมานี้บริษัทไทย
ใช้จ่ายเงินไม่เพียงซื้อสินค้าอเมริกันเท่านั้น หากซื้อมาตรฐานและความคิดอเมริกันที่อ้างกันว่า
World Class จำนวนมากมาย ในรูปที่ปรึกษา การฝึกอบรม ไปจนถึงจ้างคนอเมริกันมาทำงานกันเลย
แน่ละ ในความพยายามเข้าถึงมาตรฐานของอเมริกัน หรือถูกกระแส อันเชี่ยวกระชากลากถูทางความเชื่อ
ไลฟ์สไตล์ ที่ทันสมัย โดยเนื้อแท้คืออิทธิพลอเมริกันนั้น ได้เกิดความโน้ม
เอียงในทางไม่สร้างสรรค์ มากมาย จากความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วนของอิทธิพลที่ว่านั้น
สังคมไทยจึงได้รับแต่เปลือกทางความคิดของอเมริกันไว้มากมาย และดูเหมือนเปลือกนั้นได้หมักหมมเป็นปัญหาต่างๆ
ไว้ด้วย
ผมมีความคิดรวบยอดอยู่ว่า คนไทยนั้นรู้จักสินค้าทั้งรูปธรรมและนามธรรมของอเมริกันอย่างดีมากชนเผ่าหนึ่งของโลก
ยินดีจะซื้อ "ความเป็นอเมริกัน" ด้วยความจงรักภักดี หากแต่ความคิด
ความเข้าใจอเมริกันโดยสาระของคนไทยยังกระท่อน กระแท่นมากทีเดียว
คนส่วนใหญ่รู้จัก Microsoft แต่ไม่รู้จัก Bill Gate ผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ผ่านการทำงานหามรุ่งหามค่ำ
สมัยเรียนหนังสือที่ Stanford University ในการศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นเดือนเป็นปี
และตัดสินใจเลิกเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกกลางคัน ปัจจุบันเขาเป็นคนรวยที่สุดในโลกคนหนึ่งที่ยังทำ
ตัวง่ายๆ ทำงานหนักเหมือนเดิม ในขณะเดียวกันเขาตั้งกองทุนเพื่อบริจาคสำหรับประโยชน์ส่วนรวม
กองทุนของเขากลายเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีสินทรัพย์มากกว่า 20,000
ล้านเหรียญสหรัฐ
หลายคนชอบดื่มกาแฟ Starbucks โดยไม่รู้ว่าผู้สร้างชื่อร้านกาแฟจนโด่งดังทั่วโลก
เป็นเด็กที่ยากจนในสลัมนิวยอร์ก บิดาเป็นเพียงคนขับรถบรรทุก ที่ตั้งใจเรียนหนังสือมาก
แต่บิดาไม่มีเงินส่งเสีย เขาต้องช่วยตนเองด้วยการหาทุนเรียนจบปริญญาตรี จากนั้นทำงานตั้งแต่เป็นพนักงานขายของธรรมดาๆ
ไต่เต้าขึ้นมาเป็นลำดับ
ความจริงข้อหนึ่งที่ผู้คนมักจะลืมไปก็คืออิทธิพลของอเมริกันต่อโลกนั้น
ล้วนมาจากอิทธิพลทางความคิด ความคิดที่ว่านี้มีประโยชนต่อการพัฒนา โดยรวมของสังคมโลกไม่น้อยทีเดียว
นั่นคือเทคโน โลยีและการจัดการ
เทคโนโลยี
การค้นคว้าใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีและวิทยา ศาสตร์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเกิดจากบริษัทในสหรัฐฯ ผมเคยเสนอมาแล้วว่า
การค้นคว้าใหม่มุ่งไป เพื่ออำนวยความสะดวกของระดับบุคคล (Individual) เป็นแรงผลักดันสำคัญก่อนเกิดการผลิตในระดับมวลชน
(Mass Production) และการแสวงหาตลาด ใหม่ๆ รองรับทั่วโลก เป็นระลอกคลื่น
อาทิ เครื่องถ่ายเอกสารในปี 1938 Transister (1947) กล้องถ่ายรูปโพลารอยด์
(ปี 1948) Integrated Circuit (1959) เครื่องคิดเลขแบบเล็กและ Compact Disc
(ปี 1972) แม้แต่ Cellular Telephone ก็เกิดขึ้นครั้งแรกใน Bell Labs ที่สหรัฐอเมริกา
ตั้งแต่ปี 1947
การจัดการ
สังคมอเมริกัน มีนักคิดในเชิงกลยุทธ์ที่ว่าด้วยการจัดการธุรกิจมากที่สุดในโลกก็ว่าได้
แนวความคิดของพวกเขาที่ผลิตเป็นหนังสือที่อ่านกันทั่วโลก นับเป็นสินค้าส่งออกที่ขายดีมากชนิดหนึ่งในตลาดโลกไปพร้อมๆ
กับอิทธิพลและมาตรฐานธุรกิจ สมัยใหม่ที่มาจากแบบแผนอเมริกัน ขยายไปขอบเขต
ทั่วโลก
ผมว่าสินค้าชนิดนี้เป็นชนิดเดียวในไม่กี่ชนิด ควรส่งเสริมให้คนไทยเสียเงินตราต่างประเทศซื้อหามา
แทนที่จะมุ่งซื้อสินค้าสำเร็จรูปทางกายภาพ แต่ไม่มีประโยชน์ทางความคิด ผมเข้าใจว่าหนังสือเหล่านี้มีขายในร้านหนังสือเมืองไทยเร็วพอๆ
กับตลาดทั่วไปในโลก สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการแสดงว่าสังคมไทย เป็นสังคมบริโภคตามมาตรฐานของโลก
ที่อิทธิพลสินค้าตะวันตกครอบงำไว้อย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม การที่หนังสือ "ความคิดอเมริกัน" ขายได้ในเมืองไทยนั้น
มิได้หมายความว่า คนไทยอ่านหนังสือกันอย่างจริงจัง เท่าที่ทราบมีบางคนซื้อสินค้า
"ทางความคิด" และใช้สอย "ทางกายภาค" เท่านั้น
สินค้า "ความคิดอเมริกัน" แตกต่างกับสินค้า ทั่วไปตรงที่มิใช่การใช้สอยทางกายภาพโดยทั่วไป
หากเป็นการใช้สอยทางความคิด
ผมมีความเชื่อว่าสังคมอเมริกันกำลังอยู่ในช่วงผันแปรทางความคิดอย่างมากช่วงหนึ่ง
การศึกษาความคิดอเมริกันในช่วงปีนี้ที่กำลังจะผ่านและจากนี้ไป เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว
ผมจึงอยากเชิญชวนอ่านหนังสืออเมริกันให้มากขึ้น อ่านติดต่อกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่กำลังคิดอะไรไม่ค่อยออก
สำหรับปีต่อๆ ไปด้วย
ผมอยากให้ "ความคิดอเมริกัน" ปะทะกับความเป็นจริงในสังคมไทย ที่ท่านเผชิญอยู่นั้น
แรงมากขึ้นๆ กว่าที่เห็นเป็นอยู่