ปริญสิริ เทรดวันแรกราคาสวิงปิดตลาดต่ำจอง 8.5% ผู้บริหาร ให้มองระยะยาว ผลตอบแทนปันผลสูง 6-7% คาดรายได้ปีนี้ 2,200 ล้านบาท "กิตติรัตน์" ตั้งข้อสังเกตช่วงตลาดคึกคัก นลท.รายย่อยรุมหุ้นใหม่มักต่ำจอง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรกของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN โดยเปิดตลาดที่ 3 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 7.14% จากราคาจองที่ 2.80 บาท โดยมีแรงเก็งกำไรดันหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 3.04 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.56 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดตลาด ลดลง 0.24 บาท หรือ 8.57 % จากราคาจอง 2.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 591.17 ล้านบาท
นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมากจากหลายปัจจัยที่ไม่สามารถ ควบคุมได้ แต่นักลงทุนที่ถือหุ้นของบริษัทระยะกลางถึงยาว จะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6-7% จากที่บริษัทจะมีการจ่ายเงิน ปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลประกอบการปี 2548 ซึ่งจะจ่ายได้ประมาณ พ.ค. 2549
นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN กล่าวว่า การที่ราคาหุ้นของบริษัทที่ค่อยปรับตัวลดลง จากการที่นักลงทุน มีการขายทำกำไรออกมา และภาวะตลาดไม่เอื้อ แต่ไม่อยากให้นักลงทุน มองราคาหุ้นในระยะสั้น แต่อยากให้ มองในระยะยาวมากกว่า แต่นักลงทุน ที่ถือหุ้นของบริษัทถึงสิ้นปีก็จะได้รับเงินปันผล
บริษัทคาดยอดขายไตรมาส 4/48 ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดรายได้รวมปีนี้ประมาณ 2,200 ล้านบาท จากยอดขายประมาณ 4,000 ล้านบาท ของโครงการ 12 โครงการ มูลค่า 6,600 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการ ใหม่ 5 โครงการ โครงการเดิม 7 โครงการ
สำหรับในปี 2549 บริษัทจะมีการเปิดขายโครงการอีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 50% และบ้านเดี่ยว 50% โดยคาดว่าจะมียอดขายจากโครงการดังกล่าวรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท และสามารถรับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25-30% จากปี 2548
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่าช่วงไหนที่ภาวะหุ้นไม่คึกคักมีการกระจายหุ้นที่ค่อนข้างเงียบเหงา ราคาหุ้นจะสามารถยืนเหนือ ราคาจองได้ แต่ในช่วงที่ภาวะคึกคักราคาหุ้นจองกลับไม่สามารถยืนเหนือราคาจองได้ เนื่องจากนักลงทุนระยะสั้นเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากนักลงทุนระยะสั้นเข้ามาเกี่ยวข้องมากราคาหุ้นก็จะมีการแกว่ง ตัวมากจึงไม่สามารถยืนเหนือราคาจองได้หากหุ้นไหนมีนักลงทุนระยะสั้นเกี่ยวข้องน้อยราคาหุ้นก็จะสามารถ ยืนเหนือราคาจองได้
ดังนั้น หากหุ้นไหนมีนักลงทุนระยะสั้นเข้ามาลงทุนมากนักลงทุนทั่วไปก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง แต่ก็ขึ้นอยู่ กับความคิดของแต่ละฝ่ายว่าจะมีการกระจายหุ้นระมัดระวังให้นักลงทุนระยะยาวและระยะสั้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ ในการดำเนินการ
|