|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
กระทรวงการคลังลั่นไม่ให้สิทธิพิเศษลดหย่อนภาษีการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพิ่ม หลังสมาคม บลจ.โยนก้อนหินถามทางขอเพิ่มวงเงินจาก 3 แสนบาท เป็น 5 แสนบาทต่อราย รองอธิบดีกรมสรรพากร ระบุมีคนใช้สิทธิลดหย่อนเต็มที่เพียง 7-8% เท่านั้น ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มสิทธิพิเศษ ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดได้ข้อสรุปในการให้ความช่วยเหลือภายในสิ้นปีนี้
นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดี กรมสรรพากร และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคม บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) เตรียม เสนอให้กระทรวงการคลัง เพิ่มสิทธิ ลดหย่อนภาษีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จาก เดิมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ต่อรายเพิ่มเป็น 5 แสนบาทต่อรายว่า ยังไม่ได้รับข้อเสนอจากสมาคมบลจ. แต่จากการที่กรมสรรพากรรวบรวมข้อมูลพบว่า มีกลุ่มที่ใช้สิทธิพิเศษด้านภาษีจาก LTF เต็มวงเงินมีเพียง 7-8% เท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มสิทธิพิเศษในการลดค่าลดหย่อนตามที่สมาคมบลจ.เตรียมเสนอ
“เท่าที่เราดูจากตัวเลข ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีการลงทุนผ่านกองทุน LTF เพราะคนใช้สิทธิถึง 3 แสนมีน้อยมาก” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต กล่าวถึงความคืบหน้าในการหามาตรการช่วยเหลือบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งก่อนหน้าได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี รายได้ว่า แนวทางการให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีรายได้คงไม่มีอีกในขณะนี้ แต่ในปัจจุบันกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ใน การให้สิทธิพิเศษ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตเข้าจดทะเบียน ค่าสอบบัญชี และต้นทุนที่สูงขึ้นจากการมีคณะกรรมการอิสระ ค่า ใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า กรมสรรพากรจะเข้าไปช่วยเหลือในส่วนใดได้ บ้าง เพื่อลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการในการเข้า มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
“คาดว่าเราน่าจะหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะเสนอเรื่องให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่ออนุมัติแนวทางการให้ความช่วยเหลือ”
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) รายงานว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบลจ.ทั้งระบบอยู่ที่ 7,840.89 ล้านบาท โดยบลจ.ที่มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) สูงสุดคือ บลจ.กสิกรไทย มาร์เกตแชร์ 25.73% บลจ.ไทยพาณิชย์ มาร์เกต- แชร์ 22.19% บลจ.บัวหลวง 9.53% บลจ.ทหารไทย 7.24% บลจ.ธนชาต 5.30% บลจ.อยุธยาเจเอฟ 4.11%
สำหรับบลจ.ทิสโก้ มีมาร์เกตแชร์ 3.72% บลจ.อเบอร์ดีน 3.60% บลจ.วรรณ 2.96% บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) 2.80% บลจ.บีโอเอ 2.73% บลจ.เอ็มเอฟซี 2.13% บลจ.พรีมาเวสท์ 1.98% บลจ.กรุงไทย 1.77% บลจ.แอสเซทพลัส 1.53% บลจ.นครหลวงไทย 1.46% และบลจ.บีที มีมาร์เกตแชร์ 0.18%
|
|
 |
|
|