“คอตโต้” เผยแผนรุกตลาดปี 49 เตรียมเปิดศูนย์บริการ “Cotto Tile Studio” บริการช่างปูกระเบื้องประกันคุณภาพ ดันยอดขายในประเทศ สางปัญหาดีลเลอร์ ไม่สั่งสินค้าขณะลูกค้าต้องการซื้อ พร้อมขยาย ตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 40% มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เน้นเจาะตลาดพรีเมียม ตั้งเป้าปี 49 เติบโตกว่า 20%

นายพิชิต ไม้พุ่ม กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ ก่อสร้างซิเมนต์ไทย จำกัด และในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องคอตโต้ เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดปี 49 ว่า บริษัทมีแผนจะเปิดศูนย์บริการ Cotto Tile Studio ซึ่งเป็นศูนย์ให้บริการปูกระเบื้อง โดยบริษัทจะจัดฝึกอบรมช่างฝีมืองานปูกระเบื้องโดยเฉพาะ เพื่อให้บริการลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์กระเบื้องคอตโต้ ซึ่งในช่วงแรกจะเปิดศูนย์บริการดังกล่าวประมาณ 60 ศูนย์บริการในร้านค้าตัวแทนจำหน่าย 120 ร้านค้า
โดยจะรับบริการลูกค้าที่ต้องการปูพื้นกระเบื้องทั้งในบ้านปรับปรุงใหม่ และบ้านก่อสร้างใหม่ ซึ่งการอบรมช่างปูกระเบื้องนี้ บริษัทจะอบรมให้ทั้งช่างของบริษัทเอง และช่างที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของคอตโต้ เพื่อให้บริการที่ศูนย์ บริการร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ซึ่งใน การอบรมจะมีการอบรมช่างฝีมือ ในด้านการปูกระเบื้อง เทคนิคการปูกระเบื้อง การออกแบบ และช่างที่ผ่านการอบรมบริษัทจะออกใบรับประกันฝีมือให้ช่างที่ผ่านการอบรม เพื่อประกันคุณภาพในงานปูกระเบื้อง ให้ โดยศูนย์ดังกล่าวจะเปิดตัวในเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนค่าบริการในการรับงานแต่ละงานนั้น บริษัทจะไม่เข้า ไปเกี่ยวข้อง แต่จะปล่อยให้เป็นการตกลงราคาค่าบริการกันเองระหว่างลูกค้าและช่างปูกระเบื้อง

ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทจะเปิดศูนย์ บริการ Cotto Tile Studio เพื่อแก้ ปัญหาการขาดสินค้าในร้านค้าตัวแทนจำหน่าย โดยในช่วงที่ผ่านมา จากการสำรวจตลาดพบว่า ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในร้านค้าตัวแทนจำหน่าย แต่ในร้านตัวแทนจำหน่ายไม่มีสินค้าที่ลูกค้าต้องการขาย ทำให้บริษัทเสียโอกาสทางการตลาด ดังนั้น การเปิดศูนย์บริการจึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการกระจายสินค้าเพิ่ม พร้อมกับการให้บริการปูกระเบื้องจากช่างฝีมือที่ได้รับการรับประกันคุณภาพงานปูกระเบื้องด้วย

นายพิชิต กล่าวว่า สำหรับตลาดรวมกระเบื้องในประเทศปี 49 คาดว่า อัตราการเติบโตจะลดลงเหลือประมาณ 5% จากที่ปี 48 มีอัตราการเติบโต ประมาณ 10% เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีการปรับราคาขึ้นค่อนข้างสูงแต่ปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท เนื่องจากสินค้าของบริษัท เป็นสินค้า ในตลาดพรีเมียม และส่งออกตลาดต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยจะเน้น การขายแบบเป็นเซต (ซีรีส์) ซึ่งดีมานด์และกำลังซื้อในตลาดยังมีอยู่จำนวนมาก

โดยในปี 2548 นี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 6.5-6.8 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากการส่งออก 34% และยอดขายในประเทศ 67% ส่วนในปี 49 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 20% โดยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจะมาจากยอดขายสินค้าใหม่ในตลาดพรีเมียมที่บริษัทจะเปิดตัวอย่าง ต่อเนื่องและตลาดส่งออก รวมถึงการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายพร้อมบริการ โดยบริษัทมีแผนขยาย การส่งออกเพิ่มเป็น 40% คิดเป็นยอดขาย 3,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิต ที่ 75-80% หรือมีการผลิตอยู่ที่40 ล้านตารางเมตรต่อปี แบ่งเป็น กระเบื้องตลาดไฮเอนด์ 8 ล้านตาราง เมตร กระเบื้องตลาดกลาง 8 ล้านตารางเมตร กระเบื้องตลาดกลางขึ้น บน 20 ล้านตารางเมตรและกระเบื้อง แกรนนิโต้ 4 ล้านตารางเมตร