นับเป็นครั้งที่ 3 ภายในรอบ 2 เดือนที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสำหรับผู้ขอกู้บ้านขยับขึ้นไปที่ 7% มีผลตั้งแต่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการเดียวกันอย่างธนาคารพาณิชย์รายใหญ่

เริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน 2548 ปรับอัตราดอกเบี้ยจาก 6.25% เป็น 6.5% 30 กันยายน ปรับจาก 6.5% เป็น 6.75% และ 30 ตุลาคมปรับดอกเบี้ยจาก 6.75% เป็น 7% หากนับเฉพาะวันที่มีผลบังคับคือ 30 ตุลาคมเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ดอกเบี้ยของ ธอส.สูงกว่า 0.75%

จากการสอบถามธนาคารพาณิชย์ถึงอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ซื้อบ้านประเภทลอยตัว ได้รับคำตอบว่าเตรียมตัวที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.25% เช่นกัน ดังนั้นส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยกู้บ้านระหว่างธนาคารอาคารสงเคราะห์กับธนาคารพาณิชย์ยังคงอยู่ที่ระดับ 0.5% เช่นเดิม

อย่างไรก็ตามในระยะที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ร่วมมือกับเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวแล้วเสนอลดดอกเบี้ยให้ตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการ เช่น ปีแรกใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(MLR)-3 ปีที่ 2 ใช้ MLR-2 หลังจากนั้นใช้ MLR-1 ตลอดอายุสัญญา เป็นต้น

ขณะที่ ธอส.ได้ให้ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเช่นกัน แต่ของ ธอส.จะใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR)ที่ 7% หากกู้ต่ำกว่า 2 แสนบาทคิด MRR-0.75% วงเงิน 2 แสนแต่ต่ำกว่า 3 ล้านคิดดอกเบี้ย MRR-0.25% หากเกิน 3 ล้านบาทคิด MRR(7%)

แน่นอนว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธอส.ที่แพงกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ทุกคนทราบดีว่าเป็นผลมาจากต้นทุนในการปล่อยกู้ที่สูง ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เสนอให้สูงกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น รวมถึงต้นทุนจากการเสนอขายพันธบัตรต่าง ๆ ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้สูง

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ก่อนหน้านี้ ธอส.เคยเป็นที่พึ่งของคนมีรายได้ปานกลางหรือรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสถาบันการเงินอื่น แต่ถึงวันนี้ธนาคาพาณิชย์อื่นกลับคิดอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยต่ำกว่า ธอส. เสียอีก