|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
* ชี้"บีทีเอส-สุวรรณภูมิ"เพิ่มศักยภาพการลงทุนโซนตะวันออก
* "แลนด์-ศุภาลัย-แอล.พี.เอ็นฯ" โดดชิงเค้กก้อนโตตลาดคอนโดฯระดับกลาง
* "ศุภาลัย"ประกาศยกระดับมาตรฐานคอนโดฯโซนตะวันออกเทียบเท่าคอนโดฯใจกลางเมือง
อานิสงส์โครงข่ายระบบราง แจ้งเกิดทำเลใหม่ธุรกิจบ้านจัดสรร ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่แห่ผุดคอนโดฯเลียบแนวรถไฟฟ้าโซนตะวันออก ระเบิดศึกชิงเค้กตลาดคอนโดฯ ย่านอ่อนนุช-อุดมสุข เขย่าเก้าอี้เจ้าถิ่น "กลุ่มนิรันดร์ คอนโดฯ"อดีตเจ้าพ่อคอนโดฯ ระดับล่าง "ศุภาลัย"งัดกลยุทธ์ไม้ตายส่ง "ซิตี้ โฮม สุขุมวิท" บีบคู่แข่ง หวังโกยกำลังซื้อคนทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ เล็งกินรวบฐานลูกค้าเดิม-ลูกค้าในพื้นที่
การลงทุนขนส่งมวลชน ระบบรางส่งผลให้ที่ดินในทำเลเกาะติดแนวรถไฟฟ้ากลายเป็นทำเลทองของนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจจัดสรรที่เน้นลงทุนโครงการใหม่ในทำเลเกาะแนวระบบรางเป็นจุดขายหลัก ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจึงมีโครงการจัดสรรใหม่ๆ ในทำเลเลียบแนวรถไฟฟ้าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
เมื่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองมีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมืองก็ลดลง เนื่องจากระบบขนส่งที่รวดเร็วช่วยร่นระยะเวลาในการเดินจากบริเวณพื้นที่รอบนอกของ กทม.เข้าสู่ใจกลางเมืองให้รวดเร็วขึ้น ดังนั้น การมีที่อยู่อาศัยอยู่ห่างจากใจกลางเมืองแต่เกาะติดระบบรางจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่มีวงเงินจำกัด แต่ต้องการมีที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมือง เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง
ในย่านอ่อนนุช -อุดมสุขเป็นอีกทำเลหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เพราะได้รับอานิสงส์จากสนามบินสุวรรณภูมิ และความชัดเจนด้านการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีอ่อนนุชไปยังสำโรง ทำให้เริ่มมีกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ๆ เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการในย่านดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ไล่เรื่อยไปจนถึงซอยอุดมสุข หรือ สุขุมวิท 103
รายใหญ่นำร่องเปิดตลาดคอนโดฯ
ผู้ประกอบการรายแรก ๆ ที่เข้าไปลงทุนเปิดตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลทองแห่งนี้คือ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ เจ้าพ่อคอนโดมิเนียมระดับกลางที่ขยายการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่อยู่ในย่านแหล่งชุมชนเดิม และเกาะแนวระบบคมนาคมทุกประเภทภายในรัศมีไม่เกิน 5 กม.จากที่ตั้งโครงการภายหลังประสบความสำเร็จจากโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์ วัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงการแรกของ แอล.พี.เอ็น.ฯ ที่พัฒนาขึ้น-ภายใต้แนวคิด "LPN X-Place" แล้ว เจ้าพ่อคอนโดฯ ระดับกลางยังขยายการลงทุนเปิดตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่โซนตะวันออกของกทม.อย่างเต็มตัว
โดยยึดทำเลย่านอ่อนนุชเป็นหัวหาดในการลงทุนพัฒนาโครงการลุมพินี เซ็นเตอร์ สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมสูง 23 ชั้น จำนวน 987 ยูนิต มูลค่า 1,350 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งสร้างครอบครัวใหม่ และกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ซึ่งเคยเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ในละแวกใกล้เคียง ด้านฝั่งคู่แข่งอย่าง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็ให้ความสนใจกับการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดฯในทำเลดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะมีแบรนด์ "The Bangkok" ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ แลนด์ฯ ตั้งใจปั้นมาบุกตลาดคอนโดฯ ระดับกลาง-บนแล้ว ในการรุกตลาดคอนโดฯ โซนตะวันออก ซึ่งจะต้องทำตลาดในระดับราคาที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับแบรนด์ "The Bangkok" จึงจำเป็นต้องปั้นแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเพื่อทำตลาดคอนโดฯ ระดับราคา 1 ล้านต้นๆ เพื่อแบ่งแยกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้แตกต่างจาก "The Bangkok" อย่างชัดเจน แต่ยังคงยึดมั่นในนโยบายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมสร้างก่อนขายเช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ แลนด์ฯ โดยคอนโดมิเนียมระดับกลาง ภายใต้แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 50 เพียง 150 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชเพียง 200 เมตร คาดว่าจะเปิดการขายได้ในช่วงปลายปีหน้า
ศุภาลัยขอเอี่ยวชิงเค้ก
ล่าสุด บมจ.ศุภาลัย ประกาศยกระดับตลาดคอนโดฯ ในโซนตะวันออกให้เทียบเท่าคอนโดฯ ใจกลางเมือง โดยส่งแบรนด์ "ซิตี้ โฮม" ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ตั้งขึ้นมาใหม่และใช้เวลาสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดเพียงไม่ถึง 1 ปีเข้าชิงยอดขายจากคู่แข่ง ภายใต้ชื่อโครงการซิตี้โฮม สุขุมวิท ตั้งอยู่ติดริมถนนสุขุมวิท 101/2 จำนวน 956 ยูนิต แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส โดยมีราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นเพียง 900,000 บาทเศษ
อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการและความสำเร็จจากซิตี้โฮม รัชดาฯ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถปิดยอดขายได้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดการจอง และผลจากการลงทุนในโครงการใหม่ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทคาดว่าจะสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 7,100 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านบาทในปีต่อไป โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ศุภาลัย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี และมีฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดบ้านเช่าในละแวกใกล้เคียง
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพนักงานของสายการบินต่างๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย ซึ่งเท่ากับว่า ศุภาลัย อยู่ในฐานะเป็นต่อเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เพราะนอกจากแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่าง "ซิตี้ โฮม" แล้วยังมีฐานลูกค้าที่มากกว่า อีกทั้งโครงการยังมีจุดขายด้าน ทำเลที่ตั้งติดถนนใหญ่ในราคาขายที่เหมาะสม
อธิปกล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ในโซนตะวันออกจะค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากการเปิดตลาดคอนโดฯในโซนตะวันออกของ กทม.แล้ว ยังเป็นการเปิดสมรภูมิการแข่งขันแห่งใหม่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย เพราะนอกจากนี้ยังมีโครงการพลัส ซิตี้ พาร์ค สุขุมวิท 101/1 ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ขนาด 22-45 ตารางวา จำนวน 108ยูนิต ภายใต้การลงทุนของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เปิดการขายเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านในทำเลดังกล่าว
|
|
|
|
|