เซเว่นอีเลฟเว่นเร่งปรับตัว รับมือ เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส ที่มาแรง พลิกกลยุทธ์หาทำเลใหม่เจาะชุมชนชานเมืองที่เริ่มขยายตัว หวังปรับสัดส่วนอาหารให้เป็น 80% ในปีหน้า เจาะลึกกลยุทธ์เอฟบีโอเต็มที่ ผุดโครงการรถเข็นหน้าร้าน 72 สาขา

นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการขยายสาขาอย่างรวดเร็วของ เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสในปัจจุบันนี้ ยอมรับว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเช่นกัน เนื่องจากเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสนี้มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าร้านเซเว่นฯ อีกทั้งยังมีปริมาณสินค้ามากกว่าด้วย และตั้งอยู่ในย่านชุมชนสะดวก ต่อการเข้ามาจับจ่ายของผู้บริโภคเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ เทสโก้ โลตัสเอ็กซ์เพรสมีการขยายสาขารวมแล้วมากกว่า 96 สาขา โดยแบ่งเป็นที่เปิดอยู่ในปั๊มเอสโซ่ 56 สาขา และนอกปั๊มเอสโซ่ 40 สาขา ทั้งหมดนี้อยู่ในกรุงเทพฯ 90 สาขา, เชียงใหม่ 5 สาขา และหัวหิน 1 สาขา) และถึงสิ้นปีนี้มีแผนที่จะเปิดอีกอย่างต่ำ 10-15 สาขา

ล่าสุดทางเซเว่นฯได้เปิดร้านคัดสรร/KUDSAN ซึ่งเป็นร้านห้องที่สามที่ติดกับเซเว่นฯ โดยเน้นขายอาหารเป็นหลัก ซึ่งได้เริ่มทดลองเปิดสาขาแรกแล้วที่ปากซอยแบริ่ง ถนนสุขุมวิท ซึ่งในย่านใกล้เคียงกันนั้นก็มีเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสเปิดบริการในปั๊มเอสโซ่เช่นกัน

ทั้งนี้ การปรับตัวของเซเว่นฯนอกจากจะพยายามเน้นการเป็นฟูดคอนวีเนียนสโตร์ที่ได้พยายามปรับมาตลอดแล้วก็ตาม โดยตั้งเป้าหมาย ที่จะให้จำหน่ายสินค้าที่เป็นอาหารประมาณ 80% และที่ไม่ใช่อาหาร 20% ในปีหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในสัดส่วนอาหาร 70% ไม่ใช่อาหาร 30%

นอกจากนั้น กลยุทธ์เอฟบีโอ หรือ (First Best Only) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ซัปพลายเออร์ ร่วมมือกับเซเว่นฯในการเปิดตัวสินค้าที่เซเว่นฯ เป็นแห่งแรก เป็นสินค้าที่ดีที่สุด และขายเฉพาะที่เซเว่นฯเท่านั้นในระยะเวลาหนึ่ง ได้รับความสำเร็จอย่างมาก และจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่แตกต่างจากเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส ได้ เช่น ล่าสุดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำได้เปิดตัวรสชาติใหม่ขายที่เซเว่นฯแห่งแรก หรือเครื่องดื่มอะมิโนโอเค ของเครือโออิชิ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ก็มีแผนที่จะเปิดร้านเซเว่นฯ ในพื้นที่และทำเลใหม่ๆเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะย่านชุมชนชานเมืองที่เริ่มเติบโตและขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งในต่างจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวที่ขณะนี้บูมมากคือ ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี โดยมีแผนที่ จะปรับสัดส่วนร้านของบริษัทฯให้เป็น 50% และแฟรนไชส์ 50% จากเวลานี้ที่มีสาขาของบริษัทฯมากกว่า โดยสัดส่วนเป็นร้านที่อยู่ในต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯใกล้เคียงกัน จากจำนวน ทั้งหมด 3,200 กว่าสาขา ซึ่งเป็นสาขาของ พนักงานที่เป็นเจ้าของกว่า 150 สาขา

ส่วนผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่อาจจะ มีบ้างเพียงเล็กน้อย ซึ่งบริษัทฯมีสาขาในพื้นที่ ดังกล่าวนี้ประมาณ 13 สาขายังเปิดบริการปกติ ส่วนสาขาในภาคเหนือโดยเฉพาะในเชียงใหม่ที่มีกว่า 70 สาขานั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมก่อนหน้านี้เท่าใดนัก

นายสุวิทย์กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจ ยังอยู่ในภาวะเช่นนี้ โดยเฉพาะการครองชีพของ ผู้บริโภคมีต้นทุนที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัทฯจึงมีแนวคิดที่จะลดภาระผู้บริโภคลงส่วนหนึ่ง

โดยล่าสุดเมื่อไม่นานนี้ บริษัทฯได้เสนอเรื่องไปยังกรมการค้าภายใน โดยเสนอให้กรมการค้าภายในจัดทำรถเข็นธงฟ้าขายข้าวแกงราคา 10 บาท ซึ่งจะให้พื้นที่หน้าร้านเซเว่นฯเป็น ที่ตั้งของรถเข็นธงฟ้านี้ ซึ่งในเบื้องต้นได้เสนอไปจำนวน 72 แห่งกระจายอยู่ตามปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทำเลที่มีผู้คนเดินผ่าน ไปมาเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นชุมชน อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบจากทางกรมการค้าภายใน คาดว่าคงจะอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางเซเว่นฯเองพร้อมที่จะเริ่มโครงการได้ทันที โดยที่ไม่ได้คิดค่าเช่าพื้นที่แต่อย่างใด

ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะขยายจำนวน สาขาของเซเว่นฯเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เป็นที่ตั้งของร้านรถเข็นธงฟ้านี้

นอกจากนั้นแล้ว ในช่วงนี้ถึงวันที่ 25 มกราคม 2549 ได้จัดรายการ "จ๊ากส์...สุดคุ้ม" ที่เซเว่นฯทุกสาขาทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับซัปพลายเออร์บางรายนำสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 30 รายการมาลดราคาจำหน่ายพิเศษไม่ว่าจะเป็น ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ครีมนวดผม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมสดยูเอชที น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผ้าอนามัย เป็นต้น