อีริคสันรีเฟรชแบนด์ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Taking You Forward" บนยุทธศาสตร์ 3 แนวทาง รองรับการแข่งขันในตลาดสื่อสารและ กระแส 3G เชื่อการเอาต์ซอร์สเกี่ยวกับ การบริการจัดการระบบจะเป็นตัวดันให้ รายได้โต ตั้งเป้าปีนี้ในไทยโตประมาณ 20%

นาย Hans O Karlsson Pesident & Country Manager บริษัท อีริคสัน(ประเทศไทย) กล่าวว่า อีริคสัน (ประเทศไทย) ได้มีการปรับปรุงองค์กร ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Taking You Forward" พร้อมกับอีริคสันในประเทศ อื่นๆ ทั่วโลก เพื่อปรับรูปแบบการทำงานใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

แนวคิดและรูปแบบการทำงานใหม่นี้ ไม่ใช่เป็นการรีแบนด์แต่เป็น การรีเฟรช เพื่อให้อีริคสันสามารถตอบ สนองต่อความต้องการของตลาดที่กำลัง ก้าวสู่การแข่งขันในยุคที่ 3 หรือ 3G

อีริคสันได้ให้ความสำคัญกับ 3 แนวทางหลักคือ 1.การทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า (Customer Focus) 2.การเป็นผู้นำเทคโนโลยี (Technology Leadership) 3.การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Operational Excellence) เพราะเชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการดำเนิน ธุรกิจร่วมกับอีริคสันตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการ

ในมุมมองของผู้บริหารอีริคสันเชื่อว่าภายใน 5 ปีจะมีผู้ใช้มือถือทั่วโลก ประมาณ 3,000 ล้านเลขหมาย จากปัจจุบันมีผู้ใช้อยู่ประมาณ 2,000 ล้าน เลขหมาย และจากการขยายตัวของตลาดมือถือทำให้รายได้ของอีริคสันช่วง ไตรมาสแรกรอบปี 2548 โตขึ้น 17%
นายรัตนะ กรัยวิเชียร รองประธานอาวุโส ฝ่ายการตลาดและพัฒนา ธุรกิจ อีริคสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตัวที่ผลักดันตลาดให้โตคือเรื่องของการใช้งานแบบเคลื่อนที่หรือโมบิลิตี้ การสื่อสารด้วยเสียง สื่อสารด้วยข้อมูลเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการผสมผสานของเทคโนโลยีทางเสียง ข้อมูล และมีเดียและบรอดแบนด์เข้าด้วยกันในลักษณะคอนเวอร์เจนซ์มากขึ้น

การทำตลาดในไทยของอีริคสัน ได้มีการแบ่งลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ 1.กัฟเวอร์เมนต์ แอ็คเคาน์ โดยมีลูกค้าคือกสท ทีโอที และไทย โมบาย 2.ชินวัตร แอ็คเคาน์ มีลูกค้าคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และลาวเทเลคอม 3.นิวแอ็ค เคาน์ คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอม มูนิเคชั่น (ดีแทค) และอีกหน่วยธุรกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับการผสมผสานของเทคโนโลยีคือ เซอร์วิส เลเยอร์ ซิสเต็ม อินติเกรชัน (เอสแอลเอสไอ)

อีริคสันวางตัวเองเป็น knowledge base company และมีการ รีเฟรชองค์กรเพื่อสร้างให้พนักงานรับรู้ ว่าทิศทางของบริษัทจะเป็นอย่างไรมาแล้วประมาณ 1 ปี ก่อนจะมีการสื่อสารให้กับสาธารณะรับรู้

นายสุดเขต สุจิพิธรรม รองประธานฝ่ายการตลาดลูกค้าหลัก อีริคสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาด โทรคมนาคมมีการแข่งขันด้านราคากันมาก ผู้ผลิตและผู้ให้บริการจำเป็นต้องทำให้ต้นทุนด้านเครือข่ายถูกลง จึง มีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยดันมากขึ้น ซึ่งเรียกว่าคอนเวอร์เจนซ์

"ขณะนี้อุปกรณ์เครือข่ายอย่างเดียวสามารถรับได้ทั้งโมบาย ฟิกซ์ไลน์ เพียงแต่ผู้ให้บริการไม่มีใบอนุญาตหรือไลเซนส์เท่านั้น สำหรับตัวเทคโนโลยีสามารถใช้งานได้แล้ว"

เขายกตัวอย่างเรื่องของมัลติเซอร์วิส บรอดแบนด์ เน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นการคอนเวอร์เจนซ์ของเทคโนโลยี ที่สามารถรองรับเนื้อหาหรือคอนเทนต์ ในทุกรูปแบบได้ ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีที่ไปต่อยอดของ WCDMA เช่น ไฮสปีด ดาวน์โหลด แพกเกจ (HSDPA) ที่ไปทำให้ระบบ WCDMA สามารถดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น หรือถ้าเป็นการอัปลิงก์ก็จะใช้ไฮสปีด อัปลิงก์ แพกเกจ (HSUPA) เป็นต้น

สำหรับผลิตภัณฑ์ของอีริคสันที่จะให้บริการกับลูกค้ามีทั้งเอนเตอร์ไพรส์ โซลูชัน, เซอร์วิส ที่ให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา จนถึงการบริหารจัดการหรืออินเตอร์เนชันแนล แมนเนจเมนต์ เซอร์วิส ที่ช่วยดูแลระบบในลักษณะเอาต์ซอร์ส โดยเฉพาะ 3G เพราะผู้ให้บริการหากทำเองอาจจะไม่คุ้มค่า ที่สำคัญการฝึกอบรมบุคลากรอาจตามไม่ทันเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังมีโมบายแพลตฟอร์มที่มีการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับเครื่องลูกข่ายเพื่อให้ใช้งานกับเน็ตเวิร์กได้ ก่อนจะไปเป็นโซนี่- อีริคสัน ขณะเดียวกันยังมองถึงการให้บริการระบบเตือนภัย รวมถึงตลาด สุขภาพด้วย

ปัจจุบันอีริคสันยืนยันว่าเป็นผู้นำตลาด WCDMA โดยมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 40% และมีสัญญาเกี่ยวกับแมเนจเมนต์ เซอร์วิสทั่วโลก 54 สัญญา และผู้บริหารอีริคสันเชื่อว่าบริการประเภทนี้จะช่วยผลักดันให้รายได้อีริคสันโตขึ้น เพราะเฉพาะลูกค้ารายเดียวอย่างฮัทช์มีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในไทยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการทุกรายเกี่ยวกับแมเนจเมนต์ เซอร์วิส ที่กำลังจะไป 3G

จากนโยบายที่อีริคสันวางไว้ โดยเฉพาะการโฟกัสที่แมเนจเมนต์ เซอร์วิส ในลักษณะเอาต์ซอร์ส จะทำให้อีริคสันประเทศไทยโตขึ้นประมาณ 20-40% ในปีหน้า เพราะเชื่อว่าจะเริ่มมีการลงทุนเทคโนโลยี 3G โดยเน้นพื้นที่ที่มีการใช้งานมากอย่างกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ๆ ก่อนที่ครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2007