Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 พฤศจิกายน 2548
วิลเลจฟาร์ม"ชักธงรบตลาดไวน" ผนึกสแตรธิจิครุกใน-นอกประเทศ             
 


   
search resources

วิลเลจ ฟาร์ม, บจก.
Wine




วิลเลจ ฟาร์ม ปักธงรบธุรกิจไวน์เต็มสูบ ทุ่มงบ 10 ล้านบาทขยายไร่องุ่นพร้อม ยกเครื่องระบบการผลิตใหม่ ล่าสุดเดินหน้าแต่งตั้ง สแตรธิจิค เคเทอร์ริ่ง ทำตลาดภายใน-นอกประเทศ ประเดิมหมัดแรกเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยจับร้านอาหาร-โรงแรมหรู หวังอนาคตผลิตไวน์ปีละ 1 แสนขวดเทียบชั้นไวน์ชาโตเดอเลย

นางกนกวรรณ พัวอมรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิลเลจ ฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตไวน์ภายใต้แบรนด์ วิลเลจ ฟาร์ม ฯลฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯเริ่มดำเนินธุรกิจไวน์มาตั้งแต่ปี 2545 โดยกำลังการผลิตในช่วงแรก 2 หมื่นขวดต่อปี กระทั่งปัจจุบันกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4.5 หมื่นขวดต่อปี และคาดว่าในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5 หมื่นขวดต่อปี และเพื่อดำเนินแผนการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น จึงได้แต่งตั้งให้บริษัท สแตรธิจิค เคเทอร์ริ่ง จำกัด เป็น ผู้ดูแลด้านการตลาด ฝ่ายขาย และส่งออก ซึ่งปัจจุบันบริษัทดังกล่าวเป็นผู้จำหน่ายไวน์นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีศูนย์กระจายสินค้า 7 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ สมุย หัวหิน พัทยา ระยอง และเชียงใหม่

สำหรับการแต่งตั้งบริษัทสแตรธิจิค ก็เพื่อให้ การกระจายสินค้าของบริษัทฯครอบคลุมทุกพื้นที่ในช่วงเดือนมกราคม จากปัจจุบันบริษัทฯมีเอเยนต์เฉพาะในจังหวัดโคราช กรุงเทพฯ และพัทยาเท่านั้น ทำให้ยังไม่สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุม ในเบื้องต้นจะเน้นขยายช่องทางจำหน่ายร้านอาหารและโรงแรมระดับ 4-5 ดาวเป็นหลักก่อน โดยสินค้า ของบริษัทมี 6 ตัว เชˆน วิลเลจ ฟาร์ม, ชาเตอเดอบู และล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัววิลเลจ เซอร์ร่าลงสู่ตลาดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ราคาตั้งแต่ 390-2,000 บาท

การลงทุนปีนี้บริษัทฯใช้งบราว 10 ล้านบาท ขยายไร่องุ่นเพิ่มเป็น 300 ไร่ จากปัจจุบันมี 200 ไร่ พร้อมทั้งยังปรับปรุงพันธุ์องุ่นนำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น อาทิ การปรับห้องควบคุมอุณหภูมิ ทั้งนี้บริษัทฯได้วางเป้าหมายในอนาคตอันใกล้จะผลิตไวน์ให้ได้ปีละ 1 แสนขวด ใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง ชาโตเดอเลย ซึ่งมีกำลังการผลิตถึง 3 แสนขวดต่อปี

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เตรียมขยายตลาด ส่งออกไปยังอินโดจีน และสิงคโปร์ จากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาส่งออกไปยังฝรั่งเศสภายใต้ชื่อแบรนด์ "วิลเลจ ไทย" ซึ่งในปีนี้ได้วางแผนปรับชื่อแบรนด์ใหม่เป็น "วิลเลจ ฟาร์ม" โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 25% และภายใน ประเทศ 75% ซึ่งภายในประเทศสัดส่วนรายได้จะมาจาก ณ จุดขาย หรือที่วิลเลจ ฟาร์ม 50% ส่วนในซูเปอร์มาร์เกต โรงแรม และร้านอาหารปัจจุบันมี 25% แต่บริษัทจะเน้นขยายช่องทางดังกล่าวเพิ่มเป็น 40%

สำหรับผลประกอบการบริษัท วิลเลจ ฟาร์ม ในปีนี้ตั้งเป้ามียอดขาย 4 หมื่นขวดใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายที่เหลืออีก 1 หมื่นขวดบริษัทจะเก็บไว้ทำไวน์ คลาสสิกจำหน่าย ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทดำเนิน 2 ธุรกิจ คือ รีสอร์ต มีสัดส่วนรายได้ 30% อีก 70% เป็นธุรกิจเกี่ยวกับไวน์

นายสมชาย จันทร์เจริญสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแตรธิจิค เคเทอร์ริ่ง จำกัด กล่าวถึงแผนการทำตลาดว่า ในช่วงแรกเน้นเจาะกลุ่มคนไทย เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นคนไทย 60% และเป็นชาวต่างประเทศ 40% ส่งผลให้ในปีหน้าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะลดลงจาก 25% เหลือเป็น 20% ส่วนด้านการทำตลาดภายในประเทศจะเน้นทำควบคู่กับอาหารเป็นหลัก เพราะผู้ดื่มไวน์ส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมดื่มกับอาหาร ขณะที่ในช่วงไฮซีซันปลายปีนี้จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับโรงแรมและร้านอาหารเพื่อกระตุ้นยอดขาย

แนวโน้มตลาดไวน์นำเข้าและภายในประเทศในเชิงปริมาณ 1 ล้านหีบในปีนี้ไม่โต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวทางภาคใต้ เพราะกลุ่มเป้าหมายตลาดไวน์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดไวน์มีอัตราการเติบโต 15% ส่วนในปีหน้าคาดว่าการ แข่งขันตลาดไวน์จะมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตไวน์ภายในประเทศมี 6 ราย เชˆน ชาลาวัน, สยาม ไวน์เนอรี่ และชาโตเดอเลย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us