|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์ชาติ เผยชมรมบัตรเครดิตส่งเรื่องขออนุญาตให้ปรับขึ้น ดอกเบี้ยเพิ่มจาก 18% แล้วแต่ยังไม่สามารถพิจารณาเรื่องได้ เหตุรอดูข้อมูล ต้นทุนก่อนจะขึ้นดอกเบี้ยบัตรเครดิต ด้านผู้ว่าฯ ธปท. ชี้หากผู้ประกอบการยังทำ กำไรชนิดอยู่รอดได้ก็จะไม่อนุญาตให้ปรับขึ้น ขณะที่แบงก์กรุงเทพเข็น แคมเปญแจกคอนโดฯหรู 3 ยูนิต กระตุ้นยอดใช้จ่ายส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่
นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่า การสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ชมรมบัตรเครดิตได้ส่งเรื่อง ขอขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต มายัง ธปท. แล้ว โดยชมรมฯ ต้องการ ให้ ธปท.อนุญาตให้ขยับอัตราดอกเบี้ย บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอีกจาก 18% ที่ ธปท.กำหนด แต่ขณะนี้ทาง ธปท.ยังไม่สามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากทางชมรมบัตรเครดิตยังไม่ได้ส่งข้อมูลต้นทุนการดำเนินการที่ แท้จริงของบริษัทบัตรเครดิตมาด้วย
"แบงก์ชาติจะต้องมีข้อมูลต้นทุน ของผู้ประกอบการบัตรเครดิตแต่ละรายก่อนว่ามากน้อยอย่างไรถึงจะพิจารณาได้ว่าควรจะยอมปรับขึ้นเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือไม่ เราได้ขอข้อมูลไปตั้งแต่ที่เขาขอให้เพิ่มเพดานดอกเบี้ยแล้ว แต่ถึงตอนนี้ทางชมรมบัตรเครดิตก็ยังไม่ส่งข้อมูล ต้นทุนมาให้ ซึ่งถ้ายังไม่ส่งต้นทุนที่แท้จริงมาให้ดูว่าเพิ่มขึ้น แสดงว่าเขา ยังอยู่ได้"นายเกริกกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากในระยะต่อไปทางชมรมส่งต้นทุนการดำเนินงานที่แท้จริงมาให้ก็ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าหากต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงมีสาเหตุมาจากอะไร และมีทางอื่นในการลดต้นทุนหรือไม่ หรือจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในการพิจารณา ของ ธปท. จะต้องให้ความยุติธรรมต่อทั้งผู้ประกอบการบัตรเครดิต และประชาชนเนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย บัตรเครดิตจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งต้องรับภาระเพิ่มขึ้นไปด้วย
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดการขอปรับขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของผู้ประกอบการ แต่หากมีการส่งราย-ละเอียดเพิ่มเติมมาจะต้องพิจารณาต้นทุนการดำเนินการว่า กำไรที่สามารถ ทำได้นั้นเพียงพอต่อความอยู่รอดหรือไม่ หากยังทำกำไรได้ดีในระดับหนึ่ง ธปท.จะไม่อนุญาตให้ปรับขึ้น แต่หากต้นทุนเพิ่มขึ้นจนเกิดปัญหาจริงๆ ก็ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งเพื่อ แก้ไขปัญหา
สำหรับการที่มีประชาชน ฟ้องร้องกระทรวงการคลังและธปท. ในกรณีกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคลสูงสุดไว้ที่ 28% ซึ่งสูงกว่ากฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ไว้ที่ 15% นั้น ฝ่ายกฎหมายของ ธปท. ชี้แจงว่าการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ดังกล่าว ธปท. ทำตามกฎหมายของกระทรวงการคลังที่ดูแลนอนแบงก์ที่ออกมาว่าให้นอนแบงก์คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประชาชนในอัตราที่กฎหมาย กำหนด และรวมคิดค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้อีกไม่เกินอัตราที่ ธปท. กำหนด
ดังนั้น นอนแบงก์สามารถคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากประชาชนได้ไม่เกิน 15% แต่จะรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้อีกไม่เกิน 13% รวมเป็นไม่เกิน 28% ตามที่ ธปท.กำหนด ซึ่งถือว่าเป็นการออกประกาศตามกฎหมายกระทรวงการคลัง และไม่ผิดหลักของ กฎหมายกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย ของกระทรวงพาณิชย์
นายอภิชาต นันทเทิม กรรมการ บริหาร บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ ธปท. ปรับดอกเบี้ยนโยบาย หรืออาร์/พี รวมประมาณ 2% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ธปท.น่าจะพิจารณา ปรับเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อเช่าซื้อขึ้นไปใน อัตราเท่าๆ กับที่ดอกเบี้ยอาร์พีเพิ่มขึ้น
"ที่ผ่านมาดอกเบี้ยสินเชื่อทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้น ยกเว้นบัตรเครดิตเพดานดอกเบี้ยตันอยู่ที่ร้อยละ 18 ต่อปี ส่งผลให้จำนวนบัตรเครดิตในปีนี้เพิ่มขึ้นน้อยมาก เพราะว่าในการ ให้บริการในกลุ่มบางอาชีพมีต้นทุนสูงกว่า" นายอภิชาตกล่าว
ด้านนายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกแคมเปญผูกใจลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรบีเฟิสต์ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถชิงโชคคอนโดฯ สไตล์โมเดิร์นลีฟวิ่งที่ตกแต่งพร้อมอยู่ ของโครงการ "I House" บนถนนเอกมัย-พระราม 9 สุดหรู 3 หลัง และ บัตรกำนัลมูลค่ารวม 10 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วง 1 พ.ย. 48-31 ม.ค.49 โดยทุก 1,000 บาท ถือเป็นหนึ่งสิทธิในการลุ้นรับรางวัล แต่ละเดือน ดังนี้คือ ห้องชุดตกแต่งเสร็จพร้อมอยู่จากโครงการ i-House ของบริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด มูลค่า 1.8 ล้านบาท 1 รางวัลต่อเดือน และบัตรกำนัลมูลค่า 5,000 บาทอีก 300 รางวัล
การจัดแคมเปญดังกล่าวเป็น การกระตุ้นให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรช่วงส่งท้ายปีและการต้อนรับปีใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบัตรบีเฟิสต์ ที่เป็นบัตรเดบิตที่ธนาคาร มีฐานลูกค้ากว่า 5,000,000 บัตร รับสิทธิพิเศษนี้ด้วย จากเดิมที่ ลูกค้าบัตรเดบิตส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงสิทธิประโยชน์และการใช้บัตรเดบิตที่สามารถรูดใช้จ่ายซื้อสินค้าได้มากกว่าการใช้เป็นบัตรเอทีเอ็มในการกดเงินสด โดยคาดว่าแคมเปญ ดังกล่าวจะเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรบีเฟิสต์ขึ้นประมาณ 30% จากปีที่ ผ่านมา
สำหรับบัตรเครดิตนั้น ธนาคารได้ออกแคมเปญกระตุ้นยอดสมาชิกและยอดการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดย ที่ผ่านมามีการแจกรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ และล่าสุดแจกคอนโดฯ ซึ่งมั่นใจว่าลูกค้าจะสนใจ มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณ 700,000 บัตร ซึ่ง เชื่อว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 750,000 บัตรตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน เนื่องจากในปีนี้ธนาคารได้จัดแคมเปญกระตุ้นการใช้บัตรอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดสมัครต่อเดือนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และมียอดอนุมัติถึง 20,000 บัตรต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าในปี 2549 อัตราการขยายตัวของธุรกิจบัตรเครดิตอาจจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากยังคงมีข้อจำกัดจากกฎเกณฑ์ของ ธปท.
|
|
|
|
|