Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 พฤศจิกายน 2548
พีน่าเฮ้าส์ลุยซีอาร์เอ็มสู้ไมเนอร์ ปีหน้าพาเหรดแบรนด์นำเข้าเพิ่ม             
 


   
search resources

พีน่า เฮาส์, บมจ.
Clothings




พีน่า เฮ้าส์นำกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มมาใช้เสริมความแกร่ง ล่าสุดเตรียมออกบัตรสมาชิก แข่งกับเครือไมเนอร์ พร้อมเปิดตัวปีหน้า คาดปีหน้ามีสมาชิก 50,000 ราย เดือนหน้าเตรียม นำเข้าแบรนด์เอ็ดฮาร์ดี้บุกสยาม พารากอน เล็งนำแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์มาเปิดตัว เปิดชอปเอ็กซ์โอเอ็กซ์โอที่สยามเซ็นเตอร์ในรูปแบบคอนเซ็ปต์ สโตร์ หวังปีหน้าโกยรายได้ 60 ล้านบาท เผยการปรับตัวของศูนย์การค้าส่งผลกระทบต่อยอดขายบางแบรนด์โตต่ำกว่าเป้า 20-30%

นายบุญมา วรรณานิภายน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ บริษัท พีน่า เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์ในการแข่งขันของธุรกิจเสื้อผ้าในปัจจุบันแต่ละค่ายจะต้องหาจุดเด่นและความแตกต่างซึ่งกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่หลายบริษัทให้ความสำคัญ บริษัทฯจึงต้องมีการ ทำตลาดเต็มรูปแบบ

ล่าสุดมีแผนทำบัตรสมาชิกสำหรับลูกค้าทั้งกลุ่มพีน่า ที่มีเกือบ 10,000 ราย ในการใช้เป็นสิทธิพิเศษส่วนลด 10% สำหรับทุกแบรนด์ของบริษัทฯที่มีเกือบ 20 แบรนด์ โดยจะมีการเจรจาร่วมกับสปอนเซอร์รายต่างๆ เพิ่ม คาด ว่าจะเปิดตัวได้ในเดือนธันวาคมนี้ โดยปีหน้าตั้งเป้าจำนวนผู้ถือบัตร 50,000 ราย

การที่บริษัทฯเตรียมออกบัตรสมาชิกก็เนื่องจากแบรนด์มีความพร้อมและจำนวนสาขาของแบรนด์ในเครือพีน่าที่มีมากพอในการรองรับตลาด ซึ่งเรื่องนี้ทางค่าย ไมเนอร์ก็มีแผนที่จะทำเหมือนกัน แต่ตรงนี้ก็ต้องขึ้นกับความพร้อมของซอฟต์แวร์ของแต่ละบริษัทว่าใครมีความพร้อมมากกว่า ขณะที่จำนวนการใช้จ่ายของลูกค้าต่อบิล มีคนละ 2,600 บาทŽ

ทั้งนี้ บริษัทฯมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มโลคอลแบรนด์อยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทฯจึงมีแผนขยายฐานไปสู่อินเตอร์แบรนด์มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าเสื้อผ้าที่ได้รับลิขสิทธิ์ในการนำเข้ามาจัดจำหน่าย 7 แบรนด์ เช่น เอคโค, ไนกี้ วีเมน, นาฟนาฟ, เอ็กซ์โอ เอ็กซ์โอ, วอนดัทช์ และโพนี่ ขณะที่ รองเท้านำเข้ามี 4 แบรนด์ เช่น นอติก้าและวอนดัทช์ เป็นต้น

ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดสาขาเอ็กซ์โอเอ็กซ์โอ ภายใต้รูปแบบ "คอนเซ็ปต์ สโตร์" ที่สยามเซ็นเตอร์ ภายใต้งบตกแต่ง 2 ล้านบาท บนพื้นที่ 150 ตร.ม. และเดือนหน้าเตรียมเปิดที่สยามพารากอน และ ดิ เอ็มโพเรียม รวมปีนี้มี 4 สาขาโดยสาขาแรกอยู่ที่สมุย ขณะที่ ปีหน้าบริษัทฯเตรียมเปิด 4 จุด แบ่ง เป็นชอปแบบสแตนด์อะโลนเพิ่ม2 แห่งที่เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา และเซ็นทรัล ลาดพร้าว คาดว่าเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส 2

สำหรับเสื้อผ้าแบรนด์เอ็กซ์โอเอ็กซ์โอ จะเป็นเสื้อผ้าแนวผู้หญิง เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่กล้าแต่งตัวและแนวออกเซ็กซี่ ระดับราคาประมาณ 1,500-4,000 บาท ปัจจุบันสินค้ามีกว่า 300 รายการและครอบคลุมตั้งแต่เสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า, นาฬิกา และเดือนหน้าเตรียมนำแว่นตาเข้ามาขาย ขณะที่กลางปีหน้าจะนำจิวเวลรีเข้า มาวางขาย

สำหรับงบทางการตลาดวางไว้ 5-8% ของยอดรายได้ ซึ่งปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้ 60 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้สิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเสื้อผ้าเอ็กซ์โอเอ็กซ์โอในสิงคโปร์อีกด้วย ล่าสุดเตรียมเข้าไปวางขายสินค้าในห้างทากามิย่า 3 จุดขาย
บริษัทฯมีแผนนำแบรนด์ใหม่ จากอเมริกา "เอ็ด ฮาร์ดี้" ซึ่งเป็น แบรนด์เสื้อผ้าแนวแท็ททูหรือแนวรอยสักมาเปิดตัวที่สยามพารากอน เพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและ หญิง โดยระดับราคาประมาณ 2,500-4,000 บาท รวมถึงในปีหน้า บริษัทฯเตรียมนำเข้าอินเตอร์ แบรนด์อีก 3 แบรนด์ แบ่งเป็น 2 แบรนด์จากอเมริกาและอีก 1 แบรนด์จากเอเชีย

สำหรับผลประกอบการ 8 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทฯยังเป็นไป ตามเป้า แต่มีบางแบรนด์ต่ำกว่า เป้า 20-30% เช่น เอคโค เนื่องจาก หลายปัจจัย อาทิ การปรับปรุงของศูนย์การค้าและภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น ซึ่งช่วง 2 เดือนที่เหลือคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เนื่อง จากราคาน้ำมันเริ่มลดลงส่งผลดีต่อผู้บริโภคในแง่จิตใจและกำลังซื้อดีขึ้น

นายบุญมา กล่าวด้วยว่าภาพ รวมการแข่งขันของธุรกิจแฟชั่นเชื่อว่ามีความรุนแรง เนื่องจากการ เปิดตัวของสยามพารากอน และการมีแบรนด์ใหม่เข้ามามาก ดังนั้น แต่ละแบรนด์ต้องมีคาแร็กเตอร์ ที่ชัดเจนและมีความแตกต่าง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us