กระเบื้องหลังคาตราเพชร ทุ่มงบ 340 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตและไม้ฝา เล็งเพิ่มช่องทางขายผ่านโครงการ - ส่งออกประเทศเพื่อนบ้านหวังเพิ่มแชร์ตลาด หลังรายย่อยขายอืด เตรียมเข้าเทรดในเดือนพ.ย.นี้ หวังระดมเม็ดเงิน 200 ล้านบาทใช้หนี้ ระบุราคาน้ำมันพ่นพิษหั่นส่วนลดการขายให้ดีลเลอร์เหลือ 30% จาก 40% เมื่อต้นปี คาดปีหน้าเหลือเพียง 25% ยันไม่ปรับขึ้นราคา
นายไพฑรย์ กิจสำเร็จ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงไปบ้างเล็กน้อย สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ แต่สำหรับรายเดิมหรือรายใหญ่ๆแล้ว จากการสังเกตการยังไม่พบว่ามีการชะลอตัว เพียงแต่ไม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมไม่ค่อยดี ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุลดลง อย่างไรก็ตามภาพดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ดีมานด์กับซัปพรายอยู่ในระดับที่สมดุล ความต้องการบ้านในปัจจุบันเป็นความต้องการที่แท้จริง ในขณะที่ช่วงก่อหน้านี้เป็นความต้องการเทียมแฝงอยู่
ทั้งนี้ดีมานด์กับซัปพรายมีความสมดุลกัน ผู้ประกอบการก็จะเริ่มขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด อีกทังพื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิก็จะมีการพัฒนาเพิ่มมาก ซึ่งบางส่วนขยายไปตลาดต่างประเทศเพื่อทดแทนตลาดภายในประเทศ นอกจากนี้แผนการดำเนินงานในปี 2549 บริษัทได้วางนโยบายหลัก 3 ด้านคือ การบริการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน การขยายตลาดใหม่ โครงการบ้านจัดสรร ปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ของยอดขายทั้งหมด และส่งออกไปประเทศเพื่อบ้าน ลาว กัมพูชา และเวียดนาม 5% ซึ่งมีแผนขยายเพิ่มเป็น 10% ในปีหน้า และปี 2550 เพิ่มเป็น 20% และการเพิ่มสินค้าใหม่ให้มีความหลากหลาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการชะลอตัว แต่สำหรับตลาดกระเบื้องหลังคาภายในประเทศไม่วูบวาบตาม นอกจากสินค้ากว่า 60% ของบริษัทเป็นกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ จับกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่าง ชาวบ้านทั่วไปที่ปลูกสร้างบ้านเอง โดยยอดขายกว่า 90% ของรายได้เป็นยอดขายรายย่อยผ่านดีลเลอร์ 600 รายทั่วประเทศ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจมากนัก
ปัจจุบันบริษัทผลิตสินค้า 3 ชนิด ได้แก่ กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์สัดส่วน 60% มี 6 สายการผลิต 24,000 ตัน/ เดือน, กระเบื้องคอนกรีต 25% กำลังการผลิต 130,000 ตันและไม้ฝา 15% กำลังการผลิต 38,000 โดยปัจจุบันได้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตทุกไลน์ ทำให้บริษัทได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตในส่วนของ กระเบื้องคอนกรีตอีก 42,000 ตัน เป็น 172,000 ตัน ใช้เงินลงทุน 140 ล้านบาท และไม้ฝา 42,000 ตร.ม.เป็น 80,000 ตร.ม. ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สิน 1,000 ล้านบาท และมีหนี้ระยะสั้น 300 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนขยายกำลังการผลิตดังกล่าว ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนจากเดิม 800 ล้านบาท หรือ 160 ล้านหุ้น เป็น 1,000 ล้านบาท โดยการนำหุ้นเข้ากระจายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 40 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 5 บาท ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ซึ่งนี้ก้อนนี้จะหมดภายในปี 2549
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะสร้างโกดังเก็บสินค้า ในต่างจังหวัด โดยในปีนี้จะสร้างใน 4 แห่ง ตามภาคต่างๆ เริ่มจากภาคใต้และตะวันออกเฉลี่ยงเหนือ บนที่ดินของบริษัทเอง โดยการลงทุนสร้างโกดังเก็บนี้จะใช้เงินลงทุนไม่สูง แต่ทำให้บริษัทลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่ง แม้ว่าในปัจจุบันจะจ้างบริษัทขนส่งทำให้ รวมถึงภาระค่าขนส่งลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบก็ตาม
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด กล่าวว่า จากภาวะราคาน้ำมันปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดนิ่ง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทยังไม่นโยบายปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ให้ลดการส่วนส่วนลดการขายจากเดิมให้ 40% ของราคาขายในช่วงต้นปีเหลือ 30% เมื่อเดือนที่ผ่านมา และในปีหน้าคาดว่าจะลดลงอีกเหลือ 25% เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้
|