อีซึ่น เพ้นท์ ผู้ผลิตสีอุตสาหกรรมของไทย ฉลองอายุครบ 40 ปี ด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหุ้นน้องใหม่รายล่าสุด
ในกลุ่มยานยนต์ เพื่อระดมทุนเพิ่มสายการผลิต รับนโยบาย Detroit of Asia

ผลิตภัณฑ์สีอิสาณ ชื่อเดิมของบริษัท อีซึ่น เพ้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นชื่อที่ได้มาด้วยความบังเอิญและไม่ได้มีความหมายถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเลยแม้แต่น้อย แต่ที่ใช้ชื่อนี้เป็นผลมาจากความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่เมื่อครั้งที่ไปจดทะเบียนตั้งบริษัทในปี 2508

"อีซึ่นเป็นคำภาษาจีน ความหมายคือส่องสว่าง รุ่งโรจน์ แต่พอไปจดทะเบียนแล้วได้มาเป็นอย่างนี้ คุณพ่อก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะ ภาคอีสานเป็นภาคที่ใหญ่ที่สุดของไทย ก็เป็นความหมายที่ดี" เพชรรัตน์ เอกแสงกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซึ่น เพ้นท์ จำกัด (มหาชน) บุตรสาว ข้อ เอกแสงกุล ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ในระยะแรกอีซึ่น เพ้นท์ ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีทาอาคาร แต่เนื่องจากมีการแข่งขันสูงและลูกค้าพิจารณาที่ราคาเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้เริ่มเปลี่ยนมาผลิตสีอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มต้นที่สีสำหรับงานฝาจีบ หลังจากนั้นจึงขยาย มาสู่สีอุตสาหกรรมประเภทอื่น จนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ สีพ่นรถจักรยานยนต์ สีพ่นพลาสติก สีเคลือบบรรจุภัณฑ์ หมึกพิมพ์ ออฟเซตและสีอุตสาหกรรมชนิดอื่นๆ โดยมีสีพ่นรถจักรยานยนต์เป็นตัวทำรายได้สูงสุด คิดเป็นสัดส่วน 65% ของรายได้ทั้งหมด (ดู สัดส่วนรายได้ อีซึ่น เพ้นท์จากตารางประกอบ)

นอกเหนือไปจากประสบการณ์ในธุรกิจ ที่มีอยู่ถึง 40 ปีแล้ว จุดแข็งของอีซึ่น เพ้นท์อีกประการหนึ่งก็คือ ความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของโนว์ฮาวสีประเภทต่างๆ ที่บริษัททำการผลิต โดยอีซึ่น เพ้นท์ไม่เพียงแค่ซื้อสูตรสีเพื่อมาทำการผลิตเท่านั้น แต่ยังได้เข้าร่วมทุนกับบริษัทเจ้าของโนว์ฮาวด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกยกเลิกการใช้โนว์ฮาวจากเจ้าของสูตร โดยมีการร่วมทุนกับ BASF Coating Japan ที่เป็นเจ้าของสูตรและเทคนิคการผลิตสีพ่นรถจักรยานยนต์รายใหญ่ ในประเทศญี่ปุ่น

รวมทั้งร่วมทุนกับ Origin Electric เจ้าของสูตรสีพ่นพลาสติก และบริษัท มิกิ ที่มีจุดแข็งในด้านการตลาดและฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทญี่ปุ่น ทำให้อีซึ่น เพ้นท์สามารถเจาะ ตลาดในกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นและผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันผู้ผลิต ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นกว่า 90% เป็นลูกค้าของบริษัท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดสีพ่นรถจักรยานยนต์ประมาณ 37% และส่วนแบ่งตลาดสีพ่นพลาสติก 15%

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตสีไทยระบุว่า ตลาดสีโดยรวมของไทย ในปี 2547 มีมูลค่าประมาณ 28,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากปี 2546 ในสัดส่วน 32% และคาดว่าตลาดสีในปีนี้และปีหน้าจะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมลูกค้าผู้ใช้สี โดยในปี 2547 ส่วนแบ่งตลาดของสีทาอาคารและสีอุตสาหกรรมเท่ากับ 42.98 และ 57.02 ตามลำดับ

"เท่าที่เช็กข้อมูลจากยอดการใช้วัตถุดิบพบว่า 12 เดือน ที่ผ่านมาอัตราการใช้วัตถุดิบของผู้ผลิตสีทาอาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่อีซึ่น เพ้นท์อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และสิ่งพิมพ์ ซึ่งมีการขยายตัว" เพชรรัตน์กล่าว

อีซึ่น เพ้นท์ เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ต้นปี โดยมีบริษัท โกลเบล็ก แอ็ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้กระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3 บาทในช่วงระหว่างวันที่ 12-14 ตุลาคมที่ผ่านมา แบ่งการจัดสรร 20 ล้าน หุ้นให้กับนักลงทุนทั่วไป 17 ล้านหุ้นให้กับผู้มีอุปการคุณและอีก 23 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบัน โดยมี บล.โกลเบล็ก และ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย

เงิน 180 ล้านบาทที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวน 160 ล้านบาทจะนำไปใช้ในการเพิ่มสายการผลิตใหม่ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียนโดยโครงการที่อีซึ่น เพ้นท์เตรียมไว้ ได้แก่ สายการผลิตสีชิ้นส่วนภายนอกรถยนต์ที่เป็นตัวถังโลหะ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ใช้เงินลงทุนรวม 61.50 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการขยายตลาดไปสู่ลูกค้า กลุ่มใหม่เท่านั้น บริษัทยังสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ โรงงานเดิมได้อย่างเต็มที่อีกด้วย โดยคาดว่าเมื่อทำการผลิตอย่างเต็มที่บริษัทจะมีรายได้จากสายการผลิตใหม่นี้ไม่น้อยกว่าปีละ 150 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการเพิ่มกำลังการผลิตสีพ่นชิ้นส่วนพลาสติกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 600 ตันต่อปีขึ้นเป็น 1,000 ตันต่อปี คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท รวมทั้งนำเงินที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ระบบคลังสินค้าและสายงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการส่งสินค้าไปตรวจ สอบในต่างประเทศ

ผลการดำเนินงานของอีซึ่น เพ้นท์ในปีที่ผ่าน มามีรายได้ 599.60 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 59.66 ล้านบาท ส่วนในงวดไตรมาส 1 ของปีนี้มีรายได้รวม 167.28 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 19.31 ล้านบาท