|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2548
|
|
เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือน สำหรับผู้ที่เคยลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เมื่อก่อนหน้าจะต้องตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง หากยังต้องการรักษาสิทธิที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามนโยบายที่รัฐบาลได้เปิดช่องไว้ให้ก่อนหน้า
9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ต้องเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำมันราคาแพง การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดจากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อต่อสู้กับปัญหาการขาดดุลบัญชี เดินสะพัด และอัตราเงินเฟ้อ ล้วนแต่เป็นเหตุปัจจัย ที่สร้างความผันผวนในอัตราผลตอบแทนการลงทุนของผู้ลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
และผู้บริหารพอร์ตกองทุนต่างต้องพยายามหาทุกกลยุทธ์วิธีในการบริหาร เพื่อโชว์ผลงานดำเนินงานให้ผลตอบ แทนการลงทุนในระดับสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ด้วยกัน เมื่อเปรียบเทียบถึงผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายนที่ให้ผลตอบแทนการลงทุน เพียง 3.35% ขณะที่ดัชนีผลตอบแทนการลงทุนในตลาดพันธบัตรรัฐบาล และดัชนีผลตอบแทนการลงทุนจากหุ้นกู้เอกชนที่ได้รับการจัด อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ investment grade รอบครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 5.50% และ 3.40% ตามลำดับ
ด้วยเหตุผลที่ว่ามิติความกว้างและความลึกของตลาดในประเทศ ยังอาจยังมีไม่มากพอ
ดังนั้น การจัดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทและจังหวะในการเข้าลงทุนของผู้บริหารจัดการกองทุนแต่ละเจ้า จึงน่าจะกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่มากก็น้อย ต่อการประเมินถึงความสำเร็จของความพยายามที่จะสร้างผลตอบแทนการลงทุน ให้แก่ลูกค้า ในระดับสูงสุดเท่าที่ตลาดจะเอื้ออำนวยได้ในแต่ละช่วง เมื่อเทียบจากข้อมูลการให้อันดับของ LIPPER เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยผลตอบแทนการลงทุน ในกองทุน RMF แยกตามประเภทสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2548 กลุ่มกองทุนรวมประเภทตราสารแห่งทุน และกองทุนรวมผสม แบบยืดหยุ่น ยังเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดต่อนักลงทุน
สำหรับผลดำเนินงานในกองทุนรวมตราสารหนี้แห่งทุน กองทุนรวมอเบอร์ดีน สมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ ยังคงรักษา ตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มไว้ได้เช่นเดียวกับเมื่อสิ้นเดือนก่อนหน้า แม้กองทุนนี้ของอเบอร์ดีน จะมีต้นทุนการบริหารจัดการสูงสุดเป็นอันดับ 1 ก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงต้นทุนบริหารจัด การ ที่เรียกเก็บตามมูลค่ากองทุนสุทธิ (NAV) 2.18% ต่อปี ก็ยังถือว่าเป็นกองทุนที่น่าสนใจ
ด้านกองทุน Jumbo เพื่อการเลี้ยงชีพ จาก บลจ.ทหารไทย ดูท่าว่าผู้บริหารจัดการกองทุนเริ่มที่จะประสบความสำเร็จกับการดันอัตราผลตอบแทนกองทุนขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2 เบียดกองทุนบัวหลวงตราสารหนี้ที่เคยเป็นแชมป์เก่าเมื่อรอบ ที่แล้ว แต่มารอบนี้ถูกร่นลงมาอยู่ในอันดับ 3 แทนที่ Jumbo เสียแล้ว
ส่วนผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น กองทุนที่สร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีสุดแก่นักลงทุน จะมาจากการทำผลงานกองทุนบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งให้ผลตอบแทนการลงทุนอยู่ในระดับ 10.9%
ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินนั้น แม้ผลดำเนินงานระหว่างกองทุนโครงสร้างจัดการ กองทุนเปิดตราสารเงินคุณค่า เพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งบริหารจัดการ โดย บลจ.วรรณ และกองทุนรวมอยุธยาตราสารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพของ บลจ.อยุธยาเอเจเอฟ เริ่มทิ้งช่วงห่างจากกันเล็กน้อยจากผลตอบแทนที่เท่ากัน 1.8% เมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม
ด้านกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ก็มีการปรับเปลี่ยนอันดับผลตอบแทนการลงทุนเช่นเดียวกัน โดยแมกซ์อินคัมของ บลจ.นครหลวงไทย ตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากอันดับ 5 เมื่อ สิ้นเดือนสิงหาคม มายืนอยู่ในอันดับ 1 แทนที่กองทุนไอเอ็นจี คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ 3 เช่นเดียวกับกองทุนไอเอ็นจี ออมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ขึ้นจากอันดับ 4 มาอยู่ที่อันดับ 2 แทนที่กองทุนอยุธยาเจเอฟฯ ซึ่งร่วงไปอยู่ในอันดับที่ 5
แต่ที่น่าทึ่ง เห็นจะเป็น performance จากกองทุนกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ 2 ที่เขยิบขึ้นจากอันดับที่ 23 จากผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2548 ติดลบ 2.5% มายืนอยู่ในอันดับ 4 ด้วยผลตอบแทนที่เป็นบวก 1.24% เมื่อถึงสิ้นเดือนกันยายน
ขณะที่กองทุน LTF ยังให้ผลตอบแทนการลงทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกองทุน RMF โดยผลสำรวจและจัดอันดับ ตัวกองทุนที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุดใน 5 อันดับแรก ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากผลสำรวจของ Lipper เมื่อสิ้นเดือนกันยายน
|
|
|
|
|