Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์28 ตุลาคม 2548
บูมพื้นที่ 3 ทำเลทอง ราคาที่ดินพุ่งรับอานิสงค์ "ริเวียร่า"             
 


   
search resources

Real Estate
ฮาริสัน, บมจ.
กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์




- ฟันธง 3 ทำเลทอง "ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี" โตต่อเนื่อง นักลงทุนแห่ซื้อที่ดินผุดรีสอร์ท คอนโดฯ บ้านพักตากอากาศริมทะเล
-ระบุราคาที่ดินพุ่งพรวด 50-100% ในช่วง 2 ปีขานรับโครงการริเวียร่า-เส้นทางลงใต้สายใหม่
-อบต.สามร้อยยอดเผยยอดจัดเก็บภาษีโอนในช่วง 2-3 ปีเพิ่ม คาดสามร้อยยอดบูมกว่าหัวหิน

ความหวาดระแวงของนักท่องเที่ยวภายหลังจากเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถาโถมเข้าใส่พื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวแถบชายฝั่งทะเลอันดามันชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ภาครัฐจึงเร่งพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่

โดยให้ความสำคัญกับการโปรโมทพื้นที่ท่องเที่ยวย่านชะอำ หัวหิน ไล่เรื่อยไปจนถึงปราณบุรี และ ด้วยความสวยงามของชายหาดหัวหิน ประกอบกับภาพลักษณ์ของเมืองหัวหินที่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว จนทำให้ชายหาดหัวหินกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง

ชี้ 3 ทำเลทองรับอานิสงค์"ริเวียร่า"

กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายสัปดาห์"ว่า ปัจจุบันพื้นที่ชะอำ - หัวหิน - ปราณบุรี มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ 3 ทำเลหลัก ประกอบด้วย บริเวณเขาเต่าทั้งทางด้านฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของ ถ.เพชรเกษม ซึ่งราคาที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้ทะเลสามารถมองเห็นหาดทราย เอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาที่ดินเพื่อรองรับธุรกิจท่องเที่ยว

ส่วนทำเลที่ 2 ที่คาดว่าจะมีการเติบโตสูงคือพื้นที่โดยรอบบริเวณเขาหินเหล็กไฟ ซึ่งน่าจะเป็นทำเลทองของการลงทุนพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยวที่เริ่มมีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนพัฒนาพื้นที่แล้ว และสำหรับทำเลสุดท้ายที่คาดว่าน่าจะมีศักยภาพการเติบโตในอนาคตคือบริเวณปากน้ำปราณฯ ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนเข้าไปพัฒนาโครงการในรูปแบบบูติก รีสอร์ท ขนาดเล็กที่มีเนื้อที่โครงการประมาณ 3 ไร่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก

ในช่วง 1-2 ปีก่อน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในย่านชะอำ-หัวหิน มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาที่ดินปรับสูงขึ้น 40-50% เช่น ที่ดินบริเวณเชิงเขา ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านบาทต่อไร่ จากเดิมที่มีราคาขายแค่ 500,000-600,000 บาทต่อไร่ และที่ดินส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมเป็นกลุ่มนายทุน

กิติศักดิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่นักลงทุนขยายการลงทุนในพื้นที่ชะอำ หัวหิน และปราณบุรี เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการขยายตัวของตลาดในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหันมาเที่ยวทะเลในฝั่งอ่าวไทยมากขึ้น เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสงบ สวยงามและปลอดภัยกว่าทะเลชายฝั่งอันดามัน

นอกจากนี้ทำเลดังกล่าวยังได้รับอานิสงค์จากความพร้อมด้านระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งมีทั้งสนามบิน และถนนสายหลักที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางจาก กทม.ไม่เกิน 4 ชั่วโมง และในอนาคตจะมีเส้นทางหลักสายใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเส้นทางลงทุนทดแทนโครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ หรือแหลมผักเบี้ย ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางโดยรถยนต์มีความคล่องตัวมากขึ้น

สาเหตุหลักอีกประการหนึ่งที่ทำให้ทำเลชะอำ หัวหิน และปราณบุรีมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งมีแนวคิดพัฒนาพื้นที่ในย่านบางสะพาน หัวหิน และประจวบฯ ให้เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ มารีน่า โรงแรม รีสอร์ท 5-6 ดาวขึ้นไป และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ครบวงจร ภายใต้ชื่อโครงการริเวียร่า ซึ่งเป็นนโยบายของภาครัฐในการดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวในย่านดังกล่าว

คอนโดฯติดทะเลเฟื่อง

ต้องยอมรับว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ชะอำ-หัวหินมีการแข่งขันสูงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการจัดสรรรายใหญ่จากส่วนกลางขยายการลงทุนพัฒนาโครงการในทำเลดังกล่าว โดยลงทุนพัฒนาโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว เจาะตลาดบ้านหลังที่2 เพราะมองเห็นศักยภาพการขยายตัวของตลาดและดีมานด์ในย่านหัวหินที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมติดชายทะเล ราคาขายเฉลี่ย 2-5 ล้านบาท ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยมาก คอนโดมิเนียมในหัวหินจึงมีอัตราการขยายตัวสูง เมื่อเทียบกับตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนที่มีราคาขายเฉลี่ยสูงกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งไม่เหมาะกับการทำตลาดในหัวหิน เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย ในขณะที่ภูเก็ตและพัทยามีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ

ผลกระทบจากการขยายตัวของตลาดชะอำ-หัวหิน ทำให้ที่ดินในย่านปราณบุรี จ.ประจวบฯ ปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะที่ดินติดทะเลเหลือน้อยลง เพราะนักลงทุนทั้งในส่วนกลางและนักลงทุนท้องถิ่นเข้าไปบุกเบิกพื้นที่ทำรีสอร์ทรองรับการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โดยภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โซนชะอำ หัวหิน ในปีนี้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี47 และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5-10%

เชื่อหาดสามร้อยยอดบูมกว่าหัวหิน

ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้พื้นที่ชายหาดใกล้เคียงไล่เรื่อยลงไปถึงชายหาดสามร้อยยอด อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ ได้รับอานิสงค์จากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวตามไปด้วย

แหล่งข่าวระดับสูง จากองค์การบริหารส่วนตำบลสามร้อยยอด อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ เปิดเผย "ผู้จัดการรายสัปดาห์" ว่า ปัจจุบันมีกลุ่มนายทุนเป็นจำนวนมากเข้ามากว้านซื้อที่ดินบริเวณเลียบชายหาดสามร้อยยอดที่มีพื้นที่รวมประมาณ 1,400 ไร่ เพื่อนำพื้นที่ไปพัฒนาเป็นที่พักตากอากาศในรูปแบบของ บูติก รีสอร์ท ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนี้

โดยพบว่าราคาที่ดินในช่วงหัวหิน เขาหัวหะโหลก จนถึงชายหาดสามร้อยยอด มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของพลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ ราคาที่ดินที่มีโฉนดปรับเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เท่า จาก ราคา 400,000-500,000 บาทต่อไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านบาทต่อไร่ และที่ดินบางแปลงมีราคาขายสูงถึง 10 ล้านบาทต่อไร่ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ที่ดินจำนวนมากถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมเป็นของกลุ่มนายทุนจากกทม.และต่างชาติ

แม้ว่าที่ดินจะมีการเปลี่ยนมือเป็นจำนวนมาก แต่ อบต.ยังคงมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีรายได้จากการจัดเก็บภาษีการโอน 700,000-800,000 บาทต่อปี เพราะที่ดินส่วนใหญ่ที่ทำการซื้อขายเป็นที่ดินสาธารณะไม่มีโฉนด ทำให้การซื้อขายเป็นการซื้อขายแบบปากเปล่า และอาศัยความไว้ใจกัน ซึ่งไม่ผ่านขั้นตอนการทำนิติกรรมกับหน่วยงานของรัฐเหมือนที่ดินที่มีโฉนด จึงทำให้ยอดจัดเก็บภาษีไม่เพิ่มขึ้นมากนัก

ที่ผ่านมา อบต. ได้พยายามผลักดันให้ภาครัฐเร่งออกโฉนดที่ดินบริเวณชายหาดสามร้อยยอดมาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ นายทุนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินสาธารณะต้องยอมแบกรับภาระความเสี่ยงในการลงทุนเอง เพราะการขายที่ดินสาธารณะเท่ากับเป็นการขายที่มือเปล่า เนื่องจากไม่สามารถออกโฉนดได้ ปัจจุบันพื้นที่บริเวณชายหาดสามร้อยยอดรวมกว่า 108 ตารางกิโลเมตรถูกครอบครองโดยกลุ่มนายทุนจากกรุงเทพถึง 50% ที่เหลือยังอยู่ในมือของเจ้าของเดิม   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us