โฟร์โมสต์ สบช่องตลาดนมถั่วเหลืองโต 23% นำร่องคลอดนมถั่วเหลือง “ไฮไฟว์”ในไทยแห่งแรก พร้อมทุ่มงบ 60 ล้านบาทหวังแจ้งเกิด ปีแรกขอดูดแชร์ผู้นำตลาดไวตามิ้ลค์10 % ประเดิมเปิดตัว 2 รสชาติชูความแตกต่างล่อใจ

นายเอียน เกียริ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์ เปิดเผยว่า ภายใต้แนวคิด Nutrition for Vitality หรือคุณค่าโภชนาการเพื่อความสดใสแข็งแรง มีชีวิตชีวาทำให้บริษัทฯมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและตอบสนองให้กับคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มยูเอชที ภายใต้ชื่อ “โฟร์โมสต์ ไฮไฟว์” ในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก

“นโยบายของบริษัทแม่ระบุว่า แนวทางการทำตลาดของบริษัทฯจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในรูปแบบต่างๆออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มที่บริษัทฯมีประสบการณ์และเป็นผู้นำตลาดมานาน โดยปัจจุบันโฟร์โมสต์มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดนมพร้อมดื่ม 50% จึงขยายไลน์สินค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น”

สำหรับภาวะตลาดนมถั่วเหลืองพร้อมดื่มมูลค่า 5,300 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 23% ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีมาก ทั้งนี้เป็นเพราะคนไทยหันมาดื่มนมถั่วเหลืองเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ขณะที่มูลค่าตลาดนมมูลค่ารวม10,000 ล้านบาท กลับมีอัตราการเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังมีนมในบางเซกเมนต์ที่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี คือ นมเปรี้ยว พาสเจอร์ไรส์

ทั้งนี้การเปิดตัว “โฟร์โมสต์ ไฮไฟว์” ในครั้งนี้บริษัทฯได้ทุ่มงบ 10 ล้านบาท นำเครื่องจักรจากต่างประเทศเข้ามาผลิต ในเบื้องต้นเปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่ รสธรรมชาติ และรสธัญญาหาร 2 บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ยูเอชทีชนิดกล่อง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในตลาดคิดเป็น 60% และพาสเจอร์ไรส์หรือแบบขวดพลาสติกสัดส่วนเพียง 1% ส่วนบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วหรือแบบสเตอริไรส์บริษัทฯไม่ได้ทำ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนในตลาด 39% โดยได้เริ่มกระจายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้า โมเดิร์นเทรด รวมทั้งสาวจำหน่าย 800 คน

สำหรับแผนการทำตลาดได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรม ทั้งด้านการใช้สื่อและกิจกรรมแบบครบวงจร ประกอบด้วย การโฆษณาต่างๆ ได้แก่ ภาพยนตร์โฆษณาภายใต้แนวคิด “ห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ” ด้วย โฟร์โมสต์ ไฮ-ไฟว์ 2 เวอร์ชั่นโดยจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้มีการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ได้แก่ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อกลางแจ้ง รวมทั้งแจกสินค้าตัวอย่างตามแหล่งชุมชนจำนวน 5 แสนกล่อง โดยในปีแรกตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 10% จากปัจจุบันไวตามิ้ลค์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 70%