|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
5 สมาคมวิชาชีพ วอนภาครัฐเร่งสร้างบรรยากาศไทยให้น่าลงทุน ฟื้นปีจอ แนะภาครัฐเร่งสร้างความสมดุลสังคมและเศรษฐกิจคู่กัน หวั่นคำนึงด้านสังคมอย่างเดียวเศรษฐกิจมีสิทธิ์เดี้ยง ฟันธงภาคธุรกิจไทยต้องปรับตัวฝุ่นตลบ รับมือเศรษฐกิจปีหมาดุ
วานนี้(27 ต.ค.48) 5 สมาคมวิชาชีพนำโดยนางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยนายชัยวัฒน์ ศีตะจิตต์ นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย นายชัยประนิน วิสุทธิผล นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย นางสาวดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย และนายปรีชา ประกอบกิจ นายกสมาคมการขายตรงไทย ได้ร่วมแสดงความกังวลถึงปัจจัยลบในปีหน้าซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนกังวลใจ และเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
นางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยลบที่ภาคการตลาดกังวลใจ คงมาจากเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับขึ้น และประการสำคัญคือความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งในฐานะที่อยู่ภาคธุรกิจการตลาดสิ่งที่อยากให้ภาครัฐทำในตอนนี้ คือ ต้องสร้างบรรยากาศในไทยให้น่าลงทุน เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ เพราะภาคธุรกิจถือว่าเป็นห่วงโซ่ที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากห่วงโซ่สิ่งนี้ขาดไปภาพรวมเศรษฐกิจไม่สามารถขับเคลื่อนได้
“ปีหน้าเศรษฐกิจคงจะไม่ได้ดีไปกว่าปีนี้ ขณะที่ภาคเอกชนเองก็ต้องปรับตัวทุกรูปแบบ เพื่อรองรับปัจจัยลบที่เกิดขึ้น รวมทั้งโครงการเมกะโปรเจกของภาครัฐและนโยบายเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศหรือเอฟทีเอ 77 ประเทศ ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งให้การแข่งขัน ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ภายในประเทศเท่านั้นแต่เป็นการแข่งขันบนเวทีโลก”
นายชัยประนิน วิสุทธิผล นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสิ่งที่กังวลใจสอดคล้องกับภาคการตลาดว่า ขณะนี้มุมมองนักการตลาดหรือผู้ทำธุรกิจไทยจะต้องปรับตัวคิดอะไรใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ตีกรอบอยู่เฉพาะการทำตลาดในรูปแบบเดิม หรือเดินรอยตามคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดไทยเร่งพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้ทัดเทียมกับต่างประเทศให้ได้
ส่วนเรื่องที่ภาครัฐควรจะต้องทำในขณะนี้ คือ การเติมเต็มช่องว่างทางสังคมในเรื่องมุมมองต่างๆให้กับคนระดับรากหญ้า ซึ่งยังมีคนจำนวนมากขาดความเข้าใจนโยบายรวมทั้งโครงการต่างๆของภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อเชื่อมรอยต่อสังคมให้คนระดับรากหญ้าตามให้ทัน ด้านนโยบายของภาครัฐอยากให้มีความชัดเจนและมีความสมดุลทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันไทยห่วงในเรื่องสังคมกันมาก
“นโยบายภาครัฐต้องการผลักดันให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นในเอเชียภายใต้โครงการบางกอกเมืองแฟชั่น แต่วัฒนธรรมไทยกลับพูดถึงภาพลบกันมากเรื่องใส่สายเดี่ยว หรือกระทั่งบทสรุปของธุรกิจน้ำเมาที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องชัดเจนว่า จะต้องการผลักดันด้านเศรษฐกิจหรือหวั่นว่าจะเมามอมเยาวชน”
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอุตสาหกรรมโฆษณาในปีหน้าคาดว่าจะไม่มีอัตราการเติบโต เมื่อเทียบกับปีนี้เติบโต 5% จากมูลค่าตลาด 90,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สิ่งแรกที่กลุ่มผู้ประกอบการจะตัดงบลง คือ การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจในปีหน้าและส่งผลให้อุตสาหกรรมโฆษณาไม่โต ประกอบด้วย ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น คลื่นยักษ์สึนามิปลายปีที่แล้วส่งผลพวงในระยะยาว รวมทั้งปัญหาก่อการร้ายที่ภาคใต้ และปัญหาน้ำท่วม ซึ่งปัจจัยหลังมีผลกระทบในเรื่องกำลังการซื้อของคน
นายชัยวัฒน์ ศีตะจิตต์ นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ด้านวงการประชาสัมพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธทางการตลาดอย่างหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรและสินค้าว่า เรื่องที่กังวลใจคงเป็นเรื่องการสื่อสารที่ต้องยึดหลักความเป็นจริงกันมากขึ้น ไม่เลือกบอกให้ประชาชนได้รับทราบเฉพาะบางอย่างเท่านั้น
ส่วนด้านวงการวิจัยการตลาด นางสาวดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องที่กังวงใจคงเป็นเรื่องของสภาพเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคซึ่งจากการสำรวจเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา พบว่าการใช้จ่ายและกำลังซื้อในปีหน้าไม่ค่อยดีมากนัก ส่วนปัญหางานด้านวิจัยขณะนี้คงเป็นเรื่องมาตรฐานของผลการวิจัย ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทวิจัยต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผลวิจัยที่ได้อาจจะไม่ได้มาตรฐาน
นายปรีชา ประกอบกิจ นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า อยากให้ภาครัฐเปิดรับและทำความเข้าใจกับธุรกิจขายตรงให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันธุรกิจขายตรงสามารถสร้างรายได้ถึง 40,000 ล้านบาท และสร้างงานให้กับคนไทย 3 ล้านคน อย่างไรก็ตามในปีหน้านี้คาดการณ์ว่า จะมีคนไทยเข้ามาประกอบอาชีพอิสระด้านธุรกิจขายตรงเพิ่มขึ้น 5-10%
|
|
|
|
|