Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 ตุลาคม 2548
ยอดเอ็นพีแอลไตรมาส3ลด7พันล. ธปท.มั่นใจโค้งสุดท้ายลดต่อเนื่อง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Economics




แบงก์ชาติ เผยยอดหนี้เอ็นพีแอลสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 576,894 ล้านบาท คิดเป็น 9.93% ของสินเชื่อรวม ลดลง 7,081 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 2 ที่สูงถึง 10.32% พร้อมมั่นใจไตรมาสสุดท้ายจะลดลงอีก เพราะธนาคารต้องเร่งทำยอดปิดบัญชี และดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ต้องดูผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน รายงานตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 หรือสิ้นสุดไตรมาส 3 ว่า ระบบสถาบันการเงินไทยมียอดคงค้างเอ็นพีแอล ทั้งสิ้น 576,894.46 ล้านบาท หรือ 9.93% ของสินเชื่อรวม ลดลงจากยอดคงค้างสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 หรือไตรมาส 2 ที่มีเอ็นพีแอล 583,976.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.32% ของสินเชื่อรวม จำนวน 7,081.89 ล้านบาท

ทั้งนี้ สามารถแยกเป็นยอดคงค้างเอ็นพีแอลของระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งสิ้น 556,201.897 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 10.01% ของสินเชื่อรวม ลดลงจากไตรมาสก่อน 4,378.18 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ไทย 546,395.70 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 11.06% ของสินเชื่อรวม ลดลง 4,398.14 ล้านบาท ซึ่งเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์เอกชน 415,291.98 ล้านบาท คิดเป็น 11.71% ลดลง 4,029.28 ล้านบาท และเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์รัฐ 131,147.58 ล้านบาท คิดเป็น 9.44% ของสินเชื่อรวม ลดลง 368.87 ล้านบาท

สำหรับเอ็นพีแอลของธนาคารต่างประเทศ มีทั้งสิ้น 9,762.32 ล้านบาท ลดลง 340.04 ล้านบาทแบ่งเป็นเอ็นพีแอลของสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ 9,384.62 ล้านบาท ลดลง 717.74 ล้านบาท และเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศที่จดทะเบียนในประเทศไทย 337.7 ล้านบาท ซึ่งเอ็นพีแอลส่วนนี้จะปรับเป็นเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทยในอนาคต และรวมอยู่ในยอดของธนาคารพาณิชย์ไทยแทนธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ

ส่วนเอ็นพีแอลของระบบบริษัทเงินทุน (บง.) สิ้นไตรมาส 3 มีทั้งสิ้น 20,266.17 ล้านบาท ลดลงจาก 22,605.73 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า เป็นจำนวน 2,339.03 ล้านบาท แต่หากคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวม ในไตรมาสที่ 3 ที่มีเอ็นพีแอล 8.1% ของสินเชื่อรวมจะสูงกว่า 7.49% ของสินเชื่อรวมในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากสินเชื่อรวมของบริษัทเงินทุนลดลง ขณะที่เอ็นพีแอลของระบบบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (บค.) สิ้นไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 426.41 ล้านบาท หรือ 42.1% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีเอ็นพีแอล 430.55 ล้านบาทคิดเป็น 42.38% ของสินเชื่อรวม 3.59 ล้านบาท

นายทำนอง ดาศรี ผู้อำนวยการฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท. กล่าวเพิ่มเติมเอ็นพีแอลไตรมาส 3 ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 โดยลดลงจาก 10.32% เหลือ 9.93% ซึ่งเป็นการลดลงทั้งเอ็นพีแอลใหม่ และเอ็นพีแอลไหลย้อนกลับ และในการปรับโครงสร้างหนี้ช่วงไตรมาสที่ 3 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ที่ปรับเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม อีกประเด็นหนึ่งที่เอ็นพีแอลลดลงมาจากการเร่งแก้หนี้ของกรมบังคับคดีที่เริ่มมีการตั้งเป้าเป็นรายเดือนและรายไตรมาสว่าต้องจัดการเอ็นพีแอลที่ค้างอยู่ในเสร็จสิ้นเท่าไร

สำหรับไตรมาสที่ 4 นั้นตามหลักการแล้ว จะเป็นไตรมาสที่เอ็นพีแอลลดลงมากที่สุด เพราะเป็นธนาคารพาณิชย์เร่งทำยอดเพื่อปิดบัญชีปลายปี และการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ธปท.จะปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นจะทำให้การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องดูผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นด้วยว่าจะกระทบกับความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนมากน้อยเพียงใด แต่ในเบื้องต้นคาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในระดับนี้ยังไม่กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชน เพาะยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us