Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 ตุลาคม 2548
ศุภาลัยลุย"ซิตี้โฮม"             
 


   
www resources

โฮมเพจ ศุภาลัย

   
search resources

ศุภาลัย, บมจ.
ประทีป ตั้งมติธรรม
Real Estate




"ศุภาลัย" ฟุ้งยอดปี 49 ทะลุ 10,000 ล้านบาท จาก 20 โครงการ ส่งแบรนด์ซิตี้ โฮมลุยตลาด ล่าสุดเปิดคอนโดย่านสุขุมวิท คาดปิดขายเฟสแรกในวันเปิดจอง ปี 49 เปิดใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาทพร้อมชิมลางตลาดภูเก็ตทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ ราคาเริ่มต้น 7 แสนบาท

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2549 บริษัทประมาณการว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากการขายสินค้าใน 20 โครงการ ที่เปิดขายอยู่ทั้งโครงการเก่าและโครงการใหม่รวมถึงโครงการที่จะมีการเปิดตัวในปี 2549 จำนวน 5-6 โครงการด้วย ปัจจุบันศุภาลัยมีสต๊อกบ้านรอการขายที่อยู่ระหว่างพัฒนาและพัฒนาแล้วมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท หากรวมที่ดินสะสมด้วยจะมีมูลค่า 19,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่จะมีการพัฒนาในปี 2549 จำนวน 5-6 โครงการมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว ได้แก่ โครงการศุภาลัย สุวรรรภูมิ อยู่เรียบถนนอ่อนนุช, โครงการศุภาลัย ศรีนครินทร์-กิ่งแก้ว, โครงการศุภาลัย บางใหญ่ ส่วนอีก 2 โครงการ อยู่ระหว่างการพิจารณาก่อสร้าง

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมรอพัฒนาเพิ่มอีก 1-2 โครงการ โดยโครงการแรกจะเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ในแบรนด์ ซิติ้โฮม ในจังหวัดภูเก็ต ขนาด 10 ไร่ ซึ่งในโครงการนี้ถือว่าเป็นการทดสอบตลาดภูเก็ต โดยจะมีรูแบบพัฒนา เป็นโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ อยู่ในโครงการเดี่ยวกัน จำนวน 300 ยูนิต โดยคอนโดมิเนียมจะขายในระดับราคายูนิตละ 7 แสนบาท และอีกโครงการจะเป็นแบรนด์ ซิตี้โฮม ในเขตกรุงเทพพัฒนาในคอนเซ็ปต์เดิม คือยึดแนวรถไฟฟ้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาที่ดิน

ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2548 บริษัทมีแผนเปิดโครงการเพิ่ม 2 โครงการประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว ศุภาลัย รามอินทรา มูลค่าโครงการ 600 ล้าน และโครงการซิตี้โฮม สุขุมวิท 101 เนื้อที่ 7 ไร่ จำนวน 956 ยูนิต มูลค่าขาย 1,350 ล้านบาท จะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 5-6 พฤศจิกายนนี้ โดยการดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 เฟส ในเฟสแรก จะพัฒนาเป็นอาคาร 8 ชั้น จำนวน 5 อาคาร ราคาขายเริ่มต้น 9 แสนบาทขึ้นไป ส่วนเฟสที่ 2 เป็นอาคารชุดพักอาศัย สูง 25 ชั้น 1 อาคาร ราคาขายสูงกว่าเฟสแรก 10% โดยมีราคาขายสูงสุด 4 ล้านบาท

ปัจจุบันมียอดจองซื้อแล้ว 2 อาคารๆ ละ 75 ยูนิต โดยยอดขายดังกล่าวเป็นการจองซื้อจากลูกค้าเก่า บาท โดยในส่วนของลูกค้าเก่านี้บริษัทได้มีการทำ CRM ในฐานลูกค้า 10,000 ราย ดังนั้นบริษัทจึงมีความมั่นใจว่าจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่เข้ามาแสดงความต้องการในปัจจุบัน จะทำให้สามารถปิดการขายในเฟสแรกภายในวันเปิดขายอย่างเป็นทางการส่วนเฟสที่สอง บริษัทจะพยามปิดการขายให้ได้ในวันปิดจองเช่นเดี่ยวกัน

"การเข้ามาพัฒนาคอนโดมิเนียมติดถนนสุขุมวิท และขายในราคาตร.ม.ละ 31,000 บาท จะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในย่านนี้มีการยกระดับมาตรฐานมากขึ้น โดยผู้ประกอบการที่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ส่วนใหญ่ จะเลือกพัฒนาโครงการ ในพื้นที่ที่อยู่ในซอย หรือถนนสายรอง ในขณะที่ราคาขายต่อตร.ม.ไม่แตกต่างกันมากนัก" นายประทีปกล่าว

ทั้งนี้จากเดิมที่บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการในช่วงท้ายปีประมาณ 2-3 โครงการ โดนสาเหตุการเลื่อนเปิดโครงการ เนื่องจากปัจจัยลบเข้ามากระทบตลาด อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้ และล่าสุดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไข่หวัดนก ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปีหน้า จะมีสัดส่วนการพัฒนาโครงการประเภทอาคารชุดและบ้านจัดสรรในสัดส่วน 40 : 60

นายประทีป กล่าวถึงภาพรวมตลาดปี 2549 ว่า ตลาดอสังหาฯมีแนวโน้มในด้านลบ เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อและค่าแรงที่มีการปรับตัว ทำให้ค่าก่อสร้างมีราคาเพิ่มจากปี 2548 รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเกิดความลังเลในการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคบางส่วนมีกำลังซื้อที่ลดลง จากปัจจัยดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ โดยคาดว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จะหันมานิยมซื้อคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้านเดี่ยว เนื่องจากคำนึงถึงต้นทุนของการเดินทาง ที่สืบเนื่องจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน หากซื้อบ้านเดี่ยวจะอยู่ไกลแหล่งงานออกไป ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมยังเกาะอยู่กับระบบรางในย่านกลางเมือง

ทั้งนี้ คาดว่าในปีหน้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะมีการปรับลดราคาการก่อสร้างที่อยู่ให้ลดลง นอกจากนี้ตลาดในกลุ่มของผู้ประกอบการรายใหม่และรายย่อยที่อยู่ในตลาดจะทำให้ขาดความจูงใจในการเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ เนื่องจากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้

ส่วนดีมานด์ในตลาดเชื่อว่าจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับบทวิเคราะห์และการคาดการณ์ เนื่องจากที่อยู่อาศัยยังมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แม้ว่ากำลังซื้อจะลดลง แต่มั่นใจว่าผู้บริโภคในตลาดจะเลือกสินค้าตรงกับความต้องการของตนเองและเหมาะสมกับกำลังซื้อ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us