ดีแทคใต้นายเดียวเทเลนอร์ ขอยึดแนวทางบนความพอดี ไม่ขอเป็นที่ 1 ในตลาดมุ่งทฤษฎีมวยรอง แต่ขอความพอใจลูกค้าสูงสุด ตั้งเป้าปี 49 พัฒนาเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ 95% ของประชากรทั้งประเทศ พร้อมเปิดบริการแรก “เติมใจ” ช่วยลูกค้าในยุคน้ำมันแพงได้รับค่าโทรเพิ่มฟรี 30 บาท พร้อมยืดเวลารับสายไม่ต้องเติมเงินถึง 45 วัน

นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของดีแทคนับจากนี้ต่อไปว่า จากการที่ดีแทคถือหุ้นโดยเทเลนอร์ในแง่การบริหารงานจะไม่มีการปรับเปลี่ยนพนักงาน ไม่มีการเอาพนักงานงานออก ไม่มีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่แม้จะต้องนั่งในตำแหน่งผู้บริหารคนเดียวแต่จะบริหารดีแทคด้วยจิตใจที่เป็นคนไทย มองในแง่ความเปลี่ยนแปลงแล้วแทบไม่มี เทเลนอร์อยู่กับดีแทคมา 5 ปีแล้ว

ขณะที่ซิคเว่อยู่ที่ดีแทคมา 3 ปี ไม่ได้เป็นคนใหม่ในดีแทค จะไม่เอาฝรั่งเข้ามานั่งบริหารงาน โดยมีเป้าหมายที่จะนั่งในตำแหน่งผู้บริหารดีแทคไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งมิใช่ให้ดีแทคขึ้นเป็นที่หนึ่งในแง่ตัวเลข แต่ต้องการให้ดีแทคเป็นที่1 ในใจลูกค้าในแง่การบริการ

“นับจากนี้ไปจะเห็นดีแทควิ่งได้เร็วขึ้นเหมือนเดิม ต่างจาก 6-7 เดือนที่ผ่านมา”

แง่การตลาดดีแทควางตัวเป็นเบอร์ 2 ในตลาด ไม่ได้เป็นโอเปอเรเตอร์ที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมากที่สุดและราคาก็ไม่ได้ถูกที่สุด วางตัวอยู่ในระดับกลาง มุ่งที่ความพอดีเป็นหลัก โดยยึดแนวทาง 3 อย่างคือ 1.ให้ความสำคัญกับการบริการ 2. ให้ความสำคัญกับดิสทริบิวเตอร์และ3.เดินตามคอนเซ็ปต์ของความพอดี

ผู้บริหารดีแทคกล่าวว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันด้านราคายังมีอยู่ ส่งผลให้ตลาดรวมลดลงประมาณ 4% แต่ดีแทคกลับมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3% ในไตรมาสที่ 2 และสามารถลดยอดลูกค้าออกจากระบบพรีเพดได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามซิคเว่มองว่าการมีเทเลนอร์เป็นหุ้นใหญ่นับเป็นผลดีโดยเฉพาะในแง่การถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่าดีแทคจะมุ่งไปสู่ 3G ทั้งยังเตรียมพัฒนาสู่ Wi-Fi และ Wi-max ได้เร็วยิ่งขึ้น ในส่วนของการขยายเครือข่ายผู้บริหารดีแทคกล่าวว่า อาจมองว่าเทเลนอร์เป็นทุนนอกที่มีเงินพร้อมที่จะลงทุนได้อย่างมาก แต่ในส่วนดีแทคก็มีเงินทุนหมุนเวียนที่พร้อมจะลงทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะในแง่เครือข่ายจากปี 2548 งบลงทุนในเครือข่ายประมาณ 11,500 ล้านบาทเน้นในเรื่องการพัฒนาประสิทธิภาพของเครือข่าย ในปี 2549 ดีแทคเน้นในเรื่องการครอบคลุมพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น จากพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 90% ของประชากร ในปี 49 ดีแทคตั้งเป้าให้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 95 % ของประชากรทั้งหมด

ล่าสุดหลังเหลือCEO เพียงคนเดียวดีแทคเปิดบริการแรก “เติมใจ” เติมเงินให้ลูกค้าวันน้ำมันขึ้นราคา พร้อมยืดเวลารับสายโดยไม่ต้องเติมเงินได้ถึง 45 วัน หนุนแนวคิด “ร่วมด้วยช่วยอีกแรง” ช่วยเหลือลูกค้าในยุคน้ำมันแพง

นายซิคเว่ กล่าวว่า ในสถานการณ์น้ำมันราคาแพง แฮปปี้จึงอยากเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระตามแนวคิดของความ ”พอดี” ตามแบบฉบับที่ยึดมั่นมาโดยตลอด บริการใหม่ล่าสุด “เติมใจ” รวมทั้งบริการอื่น ๆ ที่ให้บริการพร้อมกันในช่วงเวลานี้จะสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับลูกค้าเป็นการสวนกระแสน้ำมันแพง คือราคาน้ำมันขึ้นเมื่อไหร่ลูกค้าก็จะได้รับข่าวดีจากแฮปปี้ ทำให้ลูกค้าลดความกังวลกับการใช้โทรศัพท์มือถือ

นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวว่า บริการ “เติมใจ” ไม่ได้คิดค่าบริการเพิ่ม ลูกค้าไม่ต้องสมัครให้ยุ่งยาก โดยลูกค้าแบบเติมเงินทั้งซิมแฮปปี้ ซิมเฮฮา และซิมรุ่นเล็ก (เบบี้ซิม) หากเติมเงินในวันแรกที่ประกาศขึ้นราคาน้ำมัน มูลค่าตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไปผ่านช่องทางใดก็ได้จะได้รับค่าโทรเพิ่มฟรี 30 บาทภายใน 24 ชั่วโมง (เฉพาะการเติมเงินครั้งแรกของการขึ้นราคาน้ำมันแต่ละครั้ง) วันที่ลูกค้าจะได้รับบริการเติมใจจะยึดตามวันที่มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันภายในประเทศ 3 รายแรกขึ้นไป

นอกจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จนถึง 31 ธันวาคมนี้ แฮปปี้ยังยืดเวลาการรับสาย เป็น 45 วันหลังจากวันหมดอายุ โดยลูกค้าที่เติมเงินในภายใน 45 วันหลังวันหมดอายุนี้ก็จะได้รับค่าโทรคงเหลือในหมายเลขทบกลับคืนด้วย รวมทั้งให้ลูกค้าโทรไปหาเบอร์ฉุกเฉินได้ฟรีประกอบด้วย หมายเลข 191 แจ้งเหตุร้าย 1155 ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 1195 ตำรวจกองปราบปราม 1689 ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข 1877 สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน และ 1808 สถานีวิทยุ จส. 100

บริการ “เติมใจ” เป็นหนึ่งในบริการแรกที่เปิดตัวโดยจะมีบริการเติมใจ ใหม่ ๆ เปิดตัวออกมาเรื่อยทุก 2 อาทิตย์ ทั้งนี้ดีแทคไม่ได้มีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น แต่มองเป็นการรักษาฐานลูกค้าเก่าให้อยู่กับระบบนานที่สุดมากกว่า