Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 ตุลาคม 2548
ปูนใหญ่กำไรQ3ลด3.5พันล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
กานต์ ตระกูลฮุน




ปูนใหญ่แจ้งกำไรไตรมาส 3 ลดฮวบ 30% เหลือเพียง 8,416 ล้านบาท เหตุมาร์จินธุรกิจปิโตรเคมีและกระดาษลดลง รวมทั้งไม่มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ 2,300 พันล้านบาท ชี้หากไม่นำกำไรรายการพิเศษฯมาคำนวณ บริษัทฯกำไรลดลง 1.2 พันล้านบาท เผยจับมือยักษ์ใหญ่เคมีภัณฑ์ของโลก"ดาว เคมีคอล"ผุดโรงโอเลฟินส์แห่งที่ 2 และปิโตรเคมีต่อเนื่อง ใช้เงินลงทุน 6 หมื่นล้านบาท มั่นใจแล้วเสร็จปี 2553 ลั่นปีหน้าออกหุ้นกู้ 3 หมื่นล้านบาทแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด

นายกานต์ ตระกูลฮุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2548 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 56,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8% และมีกำไรสุทธิ 8,415.52 ล้านบาท ลดลง 3,572.97 ล้านบาทหรือ 30% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,988.49 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากมาร์จินของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจกระดาษลดลง รวมทั้งไตรมาส 3 ปีก่อน บริษัทมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์จำนวน 2,300 ล้านบาท แต่เมื่อไม่นำรายการพิเศษฯมาคำนวณ พบว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3 ปีนี้ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 1,273 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13%

งวด 9 เดือนของปี 2548 บริษัทฯและบริษัทย่อยมียอดขายรวม 168,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% และมีกำไรสุทธิ 27,134ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27,086 ล้านบาท

ซึ่งผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 นี้มาจากธุรกิจปิโตรเคมีที่มียอดขาย 24,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แต่กำไรของธุรกิจลดลงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นทำให้ราคาแนฟทาซึ่งเป็นวัตถุดิบมีต้นทุนสูงขึ้น ธุรกิจซีเมนต์มียอดขายรวม 10,6736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากสภาวการณ์ก่อสร้างภาครัฐเติบโตต่อเนื่อง ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมียอดขาย 5,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% แต่กำไรธุรกิจลดลงเล็กน้อยเนื่องจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น

ธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ มียอดขายรวม 10,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% แต่มาร์จินลดลงเล็กน้อยเนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งและพลังงานที่เพิ่มขึ้น

นายกานต์ กล่าวยอมรับว่า รายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีในไตรมาส 4/2548 จะลดลงประมาณ 10% เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงระยองโอเลฟินส์เป็นเวลา 35 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และปรับปรุงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต (Debottleneck)อีก 5% จำนวน 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบค่าใช้จ่ายที่สำรองไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์นั้น บริษัทฯมีการสำรองสินค้าไว้เพียงพอที่จะจำหน่ายในประเทศและส่งออก

ปัจจุบันโครงสร้างกำไรของเครือซิเมนต์ไทยมาจากธุรกิจปิโตรเคมี 40-45% ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง 30กว่า% ธุรกิจกระดาษ 11% และที่เหลือมาจากกลุ่มการค้า

ทุ่ม6หมื่นล.ตั้งโรงโอเลฟินส์แห่ง2

นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า เครือซิเมนต์ไทยได้ลงนามในLetter of Intent กับกลุ่มดาว เคมีคอล เพื่อสร้างโรงโอเลฟินส์แห่งที่ 2 มูลค่าการลงทุน1,100 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 44,000 ล้านบาท โดยเครือฯจะลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 67% รวมทั้งลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลายเพื่อรองรับโอเลฟินส์ดังกล่าวอีก 16,000 ล้านบาท หรือ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จปี 2553

โรงโอเลฟินส์แห่งที่ 2 จะมีกำลังการผลิต 1.7 ล้านตัน แบ่งเป็นเอทิลีน 9 แสนตัน โพรพิลีนอีก 8 แสนตัน โดยจะมีผลิตภัณฑ์อื่นอีก 7 แสนตัน ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้จะเน้นผลิตโพรพิลีนให้ได้ประมาณสูงขึ้นกว่าเดิม 75%เพื่อรองปริมาณความต้องการใช้ของตลาด ซึ่งวัตถุดิบในการผลิตโอเลฟินส์จะมาจากในประเทศและนำเข้าจากตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย

ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้ในการลงทุนนั้นอยู่ระหว่างการหารือกับดาว เคมีคอล แต่ทั้งนี้เงินลงทุนของเครือฯจะมาจากกระแสเงินสด ที่ปัจจุบันมีอยู่ 4 หมื่นกว่าล้านบาทใกล้เคียงปีที่แล้ว

"การลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีครั้งนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และสามารถแข่งขันในต่างประเทศได้ ส่วนโครงสร้างรายได้ของเครือฯจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ไม่สามารถชี้ชัดได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจลงทุนในกลุ่มธุรกิจอื่นๆในอีก 5ปีข้างหน้า ส่วนการถือหุ้นในพีทีที เคมีคอล (บริษัทที่เกิดจากการควบรวม NPC-TOC) 20% เพื่อรับเงินปันผล ส่วนจะซื้อเพิ่มหรือขายหุ้นออกไปไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะบริษัทดังกล่าวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ "

ปัจจุบันกำลังการผลิตโอเลฟินส์ในเครือซิเมนต์ฯรวม 1.1 ล้านตัน/ปี รวมทั้งมีการร่วมทุนกับดาว เคมีคอลและมิตซุย เคมีคอล ทำโครงการปิโตรเคมีอื่นๆอีกจำนวนมา รวมไปถึงการขยายการลงทุนไปยังอินโดนีเซียและอิหร่านด้วย

นอกจากนี้ เครือฯยังลงทุนโครงการติดตั้งชุดกำเนิดไฟฟ้าและไอน้ำของบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม ในเครือกลุ่มกระดาษ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์และไอน้ำ 130 ตันต่อชั่วโมง ใช้เงินลงทุน 1,090 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จ พ.ย. 2550

นายกานต์ กล่าวว่า แม้กำไรไตรมาส 3 จะลดลง และมีการขยายการลงทุนในเครือฯจำนวนมาก จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผล โดยจะจ่ายปันผลได้ในเกณฑ์เดียวกับปีที่แล้ว ซึ่งจ่ายปันผลหุ้นละ 15 บาท

ปีหน้าออกหุ้นกู้ 3หมื่นล้าน

นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า ในปีหน้า บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดลง ปัจจุบันหุ้นกู้ของบริษัทอยู่ที่ 8 หมื่น ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ 4-4.3% จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ หุ้นกู้ใหม่ที่จะออกในปีหน้าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าเดิม

ส่วนการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์หลังจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิงปรับเพิ่มสูงขึ้น ทางเครือฯไม่มีนโยบายที่จะเป็นผู้นำในการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการบางรายเจรจากับกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับขึ้นราคาก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันราคาขายปูนในประเทศยังต่ำกว่าเพดานที่พาณิชย์กำหนดอยู่

โดยปีนี้เครือฯตั้งเป้าขยายการส่งออกปูนซีเมนต์เพิ่มเป็น 6.5 ล้านตัน จากปีก่อนที่ส่งออก 6 ล้านตัน ขณะที่ราคาส่งออกได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 32 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากปีก่อนที่ส่งออกตันละ 26 เหรียญสหรัฐต่อตัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us