ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง เล็งกระจายหุ้นกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปีภายในระยะเวลา 3 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงการผลิตถังบรรจุก๊าซ NGV คาดเริ่มดำเนินการไตรมาส 3 ปี 2550 จะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท

นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (UNIMIT) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบรายการแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง)ของบริษัทยูนิมิตเอนจิเนียริ่งซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะอนุมัติให้เสนอขายหุ้นได้ และคาดว่าบริษัทจะเสนอขายหุ้นภาย ในสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งน่าจะเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ บริษัทยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 43 ล้านหุ้น คิดเป็น 30.07% ของทุนจดทะเบียนหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 40 ล้านหุ้นและพนักงานของบริษัทจำนวน 3 ล้านหุ้น

"แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้จะมีความผันผวนแต่ก็มีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพของบริษัทยูนิมิตฯประกอบกับธุรกิจของบริษัทที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง" นางสาวพัชพรกล่าว

นายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานกรรมการ บริษัทยูนิมิตเอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ว่าจะมีการเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี ภายในระยะ เวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากรายได้ในปี 2546 ที่อยู่ในระดับ 752 ล้านบาทในปี 2547 ที่ระดับ 891 ล้านบาทและในครึ่งปีแรกปี 2548 อยู่ในระดับ 648 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในครึ่งปีหลังจะมีงานที่เซ็นสัญญาแล้วและส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าในปีนี้จำนวน 283.69 ล้านบาทและมีมูลค่างานส่วนที่เหลือในปี 2549 จำนวน 390.25 ล้านบาท

ทั้งนี้ มูลค่างานในปี2549 บางส่วนจะรับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ภายใน 2 เดือนที่เหลือ คือภายในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ยังจะรับงานเพิ่มเติมได้อีก และบริษัทได้ยื่นประมูล งานซึ่งมีมูลค่างานประมาณ 5 พันล้านบาท และจากสถิติที่ผ่านมา บริษัทจะได้รับงานประมาณ 10-15% และบริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศจากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างประเทศ 10% และในประเทศ 90% และคาดว่าสัดส่วนลูกค้าต่าง ประเทศจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

นายไพบูลย์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตงาน โครงสร้างเหล็กอยู่ที่ประมาณ 2 พันตันต่อปี และจะขยายพื้นที่โรงงาน ซึ่งจะทำให้ขยายกำลังการ ผลิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 5 พันตันต่อปี และทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 200 ล้านบาทต่อปี และในส่วนของอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต 200 ตันต่อปี หรือประมาณ 60 ล้านบาทหากขยายกำลังการผลิตเป็น 500 ตันต่อปี คาดว่าจะทำให้ บริษัทมีรายได้เพิ่ม 150 ล้านบาท ต่อปี

สำหรับ โครงการผลิตถัง บรรจุก๊าซเอ็นจีวี (NGV) ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ตั้งแต่ ไตรมาส 3 ในปี 2550 คาดว่าจะใช้ เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท โดยเงินจะมาจากเงินทุนหมุนเวียน ของบริษัทและเงินกู้บางส่วน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทไม่มีหนี้

นายไทยลักษณ์ ลี้ถาวร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทมีกลุ่มลูกค้าประกอบด้วยบริษัทไทยออยล์,บริษัทบางจากปิโตรเลียม, บริษัทปตท. และบริษัทไทยโอเลฟินส์ และผู้รับเหมาโครงการชั้นนำระดับโลก เช่น อังกฤษ สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเป็นต้น