|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นทีดับบลิวแซดเคาะช่วงราคา 3.70-4.10 บาท เตรียมสรุปราคาที่แน่นอนวันที่ 2 พ.ย. พร้อมเสนอขาย 7-9 พ.ย.นี้ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 18 พ.ย.นี้ ตั้งเป้าคุมหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 2 เท่า
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัททีดับบลิวแซด คอร์ปอ-เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำหนดช่วงราคาหุ้นที่จะเสนอขายในระดับ 3.70-4.10 บาท โดยคาดว่าจะสามารถสรุปราคาที่แน่นอนได้ ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งในระดับราคาดังกล่าว เป็นการคำนวณจากค่าพี/อี เรโช เปรียบเทียบกับกลุ่ม อุตสาหกรรมและบริษัทที่ประกอบธุรกิจเดียวกันซึ่งจะมีส่วนลดให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น
ทั้งนี้ ในระดับราคาจอง 3.70 บาทจะมีค่าพี/อีเรโช ประมาณ 8.5 เท่า และถ้าระดับราคา 4.10 บาทนั้นจะมี ค่าพี/อีเรโชประมาณ 9.5 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารนั้นมีค่าพี/อีเรโชประมาณ 14 เท่า
บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น นั้นจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 59 ล้านหุ้น โดยจะขายให้นักลงทุนสถาบัน 25% และที่เหลือให้ประชาชน ทั่วไป มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และอีกจำนวน 1 ล้านหุ้นจะเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทในราคาเดียวกับที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป คาดว่าจะกระจายหุ้นได้ภายในวันที่ 7-9 พฤศจิกายนนี้ และหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จะนำไปชำระหนี้ แต่เป็นการชำระไม่มากนักเพราะหนี้ของ บริษัทส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะสั้นหรือหนี้การค้าโดยหนี้สินรวมของบริษัทจะอยู่ในระดับ 440 ล้านบาทซึ่งแบ่งเป็นหนี้ระยะสั้นประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นเงิน ที่ได้จากการระดมทุนส่วนใหญ่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปซื้อสินค้าโดยใช้เป็นเงินสดในการซื้อซึ่งจะทำให้ได้ส่วนลดอีกด้วย
นายสมภพ กล่าวว่า จุดเด่นของ บมจ.ทีดับบลิว แซดคอร์ปอเรชั่น คือการที่ผู้บริหารมีประสบการณ์ใน ธุรกิจอย่างมาก จึงทำให้สามารถสั่งสินค้าได้ในจำนวน ที่เหมาะสมไม่มากเกินไปจนทำให้ต้องมีการตั้งสำรองนอกจากนี้ การจัดการสินค้าคงคลังก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสถานที่ตั้งของสาขาที่ให้บริการซึ่งมีจำนวน 26 แห่งถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีคืออยู่ในห้าง-สรรพสินค้าหลายแห่งและในปีหน้าบริษัทก็มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีก
นายพุทธชาติ รังคสิริ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซดคอร์ปอ-เรชั่น เปิดเผยว่า รายได้ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 3 พันล้านบาทโดยในครึ่งปีแรกสามารถทำได้แล้วจำนวน 1.5 พันล้านบาทถึงแม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการลงบันทึกยอดขายบัตรเติมเงินให้เป็นรูปแบบใหม่ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ยอดขายในไตรมาส 4 ลดลงแต่รายได้ค่าคอมมิชชันยังอยู่ในระดับสูง โดยรายได้หลักมาจาก การจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือโดยเชื่อว่าการขยายตัวของโทรศัพท์มือถือในปีหน้าจะมากกว่า 10%
ภายในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 15 แห่งซึ่งได้เปิดไปแล้วจำนวน 2 แห่งและเชื่อว่าในปีนี้ จะสามารถเปิดได้ตามเป้าหมายเพราะสาขาที่จะเปิดส่วนใหญ่จะเป็นสาขาแบบเทเลวิซเอ็กซ์เพรส ซึ่งถือว่าไม่ใหญ่มากนัก โดยคาดว่าจะเปิดจำนวน 8 แห่ง โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณสาขาละ 5-8 แสนบาท ส่วนสาขาเทเลวิซแบบเต็มรูปแบบจะใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 1-3 ล้านบาท โดยจะเปิดจำนวน 2 แห่งและเปิดร้านทีดับบลิวแซด 3 แห่ง โดยปัจจุบันนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากการขายปลีกจำนวน 25% ส่วนอีก 75% นั้นจะมาจากการขายส่ง
นายเขตรัตน์ ชื่นมั่น ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี บมจ. ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2547 อยู่ในระดับ 3.04% และในครึ่งปีแรกปี 2548 อยู่ในระดับ 3.28% ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะอยู่ในระดับ 3% โดยในส่วนของ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันจากปี 2547 อยู่ในระดับ 31.13% และในครึ่งปีแรกอยู่ในระดับ 43.97%
สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2547 อยู่ที่ 58.06 ล้านบาทและในครึ่งปีแรก 2548 อยู่ที่ 51.89 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับทั้งปีของปีก่อนในส่วนของสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในครึ่งปีแรกปี 2548 อยู่ในระดับ 1.74 เท่าซึ่งหลังจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปแล้ว คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 0.8-1%และบริษัทจะพยายามควบคุมไม่ให้อยู่ในระดับที่เกิน 2 เท่า
|
|
|
|
|