KPMG ซึ่งมีฐานประกอบการใน Netherlands เป็นหนึ่งในสำนักงานบัญชีระดับ
Big Five ที่มีเครือข่ายกระจายครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในโลก โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ในกว่า
150 ประเทศทั่วโลก และแบ่งการปฏิบัติงานออกเป็น 3 ภูมิภาคคือ ทวีปอเมริกา
ยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก นอกจากให้บริการสอบบัญชีแล้ว
ยังมีบริการที่ปรึกษาภาษีอากรและที่ปรึกษาการเงิน ทั้งนี้เครือข่าย KLegal
International ของ KPMG มีนักกฎหมายเบ็ดเสร็จรวมแล้วถึง 1,600 คนทั่วโลก
ประวัติของ KPMG ย้อนหลังไปได้ถึงปี 1911 เมื่อสำนักงานบัญชี Peat Marwick
ถูกก่อตั้งขึ้นโดย William Peat นักบัญชีในกรุง London และ James Marwick
ศิษย์เก่า University of Glasgow ก่อนหน้านั้นในปี 1897 Marwick และ Roger
Mitchell เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยได้ร่วมกันก่อตั้ง Marwick, Mitchell &
Company ขึ้นใน New York Marwick และ Peat ตกลงนำบริษัทของทั้งสองมาเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว
ก่อนที่จะรวมตัวกันเป็น Peat, Marwick, Mitchell & Copartners ในปี 1925
ต่อมาในปี 1947 Peat, Marwick, Mitchell & Copartners ได้รวมกิจการกับ
Barrow, Wade, Guthrie ซึ่งเป็นบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ
เพื่อก่อตั้งธุรกิจที่ปรึกษา ถัดมาในปี 1972 Peat Marwick ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศและเปลี่ยนชื่อเป็น
PMM&Co. (International) ก่อนจะเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Peat Marwick
International ในปี 1978
ตัวอักษร P ที่มาจาก Peat ก็คือที่มาของตัวอักษร P ในชื่อ KPMG
สำหรับตัวอักษรที่เหลือคือ KMG เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อสำนักงานบัญชีในยุโรปหลายแห่งนำโดย
Klynveld Kraayenhoff (จาก Netherlands) และ Deutsche Treuhand (จาก Germany)
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสำนักงานบัญชีระหว่างประเทศ และต้องการให้มีสำนักงานบัญชีจากสหรัฐฯ
เข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย จึงขอให้บริษัทอเมริกัน 2 แห่งชื่อ Main Lafrentz
และ Hurdman Granstoun รวมกิจการกันเป็นบริษัท Main Hurdman & Cranstoun
แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า Klynveld Main
Goerdeler (KMG) K มาจาก Kynveld ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำในการก่อตั้งเครือข่าย
M มาจาก Main บริษัทสมาชิกจากสหรัฐฯ ดังกล่าวข้างต้น ส่วน G มาจากชื่อของ
Reinhard Goerdeler ประธาน Deutsche Treuhand เครือข่ายสำนักงานบัญชีแห่งนี้
ยังมีสมาชิกจากอีกหลายประเทศ เช่น C. Jespersen (จาก Denmark) Thorne Riddle
(จาก Canada) Thomson McLintok (จากอังกฤษ) และ Fides Revision (จาก Switzerland)
จากนั้น KMG ก็รวมกิจการกับ Peat Marwick ในปี 1987 กลายเป็น Klynveld
Peat Marwick Goerdeler (KPMG) จนถึงปัจจุบัน
หลังจากกลายเป็น KPMG แล้วบริษัทสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไป 10% และยังสูญเสียมือดีไปในปี
1990 เมื่อบริษัทตัดสินใจลดจำนวนผู้ร่วมถือหุ้น (partner) ลง
ในช่วงทศวรรษ 1990 สำนักงานบัญชียักษ์ใหญ่ทั้ง 6 แห่งที่เรียกว่า Big Six
ในขณะนั้น ต่างก็ต้องเผชิญกับมรสุมการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หลังจากมาตรฐานการทำบัญชีใหม่กำหนดให้ผู้สอบบัญชีต้องรับผิดชอบในความถูกต้องเป็นจริงของรายงานการเงินด้วย
แทนที่จะรับผิดชอบแต่เพียงความถูกต้องของรูปแบบการทำบัญชีแต่เพียงอย่างเดียวอย่างแต่ก่อน
KPMG เองก็ถูกฟ้องร้องจากการเป็นผู้สอบบัญชีให้แก่บริษัท S&Ls ที่เลิกกิจการ
และจากการเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของ Orange County ใน California (คดียุติโดย
KPMG ต้องจ่าย 75 ล้านดอลลาร์ในปี 1998) อย่างไรก็ตาม KPMG ยังสามารถเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
โดยขยายธุรกิจที่ปรึกษาด้วยการซื้อกิจการ Barefoot, Marrinan & Associates
บริษัทที่ปรึกษา ด้านธนาคารในปี 1996
ในปี 1997 เมื่อ Pricewaterhouse กับ Coopers & Lybrand รวมกิจการกัน
KPMG ก็ประกาศจะรวมกับ Ernst & Young บ้าง แต่ทั้งคู่กลับเปลี่ยนใจในปีถัดมา
เพราะกลัวความยุ่งยากซับซ้อนในกระบวนการรวมกิจการ
การเกิดขึ้นของ PricewaterhouseCoopers (PwC) บริษัทใหม่ที่เกิดจากการรวมกิจการกันของ
Pricewater- house กับ Coopers & Lybrand ดังกล่าว บวกกับสภาวะการแข่งขันที่ร้อนแรงในธุรกิจที่ปรึกษาในระหว่างสำนักงานบัญชี
Big Five ด้วยกัน ทำให้ KPMG ต้องสูญเสียสมาชิกในเครือข่ายสำนักงานบัญชีของตนที่ปันใจไปภักดีต่อสำนักงานบัญชีคู่แข่ง
โดยกลุ่มสำนักงานบัญชีใน Belgiam ของ KPMG Consulting ได้ย้ายไปสังกัด PwC
ในขณะที่กลุ่มสำนักงานบัญชีในฝรั่งเศสย้ายไปเป็นสมาชิกของ Computer Science
Corporation กลุ่มสำนักงานบัญชีใน Canada ก็เกือบจะถูก Andersen สำนักงานบัญชียักษ์ใหญ่ระดับ
Big Five ที่ปัจจุบันกลายเป็นอดีตไปแล้ว เกี้ยวไปได้สำเร็จ ดีแต่ KPMG ขัดขวางไว้ทันด้วยการเสนอผลตอบแทนที่มากขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ KPMG ดูจะเพลี่ยงพล้ำเช่นนี้ KPMG ได้ตัดสินใจขายหุ้น
20% ในธุรกิจที่ปรึกษาให้แก่ Cisco Systems เป็นเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์
หมากตานี้นอกจากจะได้เงินแล้ว ยังทำให้ KPMG สามารถเสนอบริการติดตั้งและจัดการระบบให้แก่ลูกค้าของ
Cisco ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นบริการที่ Cisco ไม่มี
แม้ KPMG จะไม่เคยเห็นด้วยกับกระแสเรียกร้องจากทางการสหรัฐฯ ให้แยกธุรกิจสอบบัญชีออกจากธุรกิจที่ปรึกษา
แต่ KPMG ก็ตัดสินใจแยกธุรกิจทั้งสองออกจากกัน และจัดการทำให้บริษัทที่ปรึกษากลายเป็นบริษัทมหาชน
ด้วยการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ในปี 2000 ซึ่งส่งผลให้ KPMG
เหลือหุ้นในธุรกิจที่ปรึกษาของตนอยู่ราว 20% ในขณะที่ Cisco Systems เหลือ
9%