Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 ตุลาคม 2548
โกลเบล็กหวังลูกค้าเปิดพอร์ตเพิ่มเท่าตัว             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก

   
search resources

โกลเบล็ก, บล.
Stock Exchange




บล.โกลเบล็ก ตั้งเป้าปี 49 เปิดอีก 3 สาขาห้องค้า ทำบทวิเคราะห์ภาคภาษาอังกฤษดึงลูกค้าสถาบันเพิ่ม ขยายอินเทอร์เน็ต เทรดดิ้ง ดันบัญชีลูกค้าเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว จากสิ้นปี 48 ที่ 10,000 บัญชี หวังรักษามาร์เกตแชร์ 3-3.5% ประเมินปีหน้าธุรกิจหลักทรัพย์โบรกฯ แข่งดุ แห่เน้นคุณภาพบริการดึงดูดลูกค้า มั่นใจรายได้ปีหน้า 20-30%

นายพิษณุ วิชิตชลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2549 จะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 15,000-20,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้น ประมาณ 1 เท่าตัวจากปัจจุบันที่มีลูกค้าเปิด บัญชีจำนวน 8,000 บัญชี และคาดว่าสิ้นปี 2548 จะเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 10,000 บัญชี เนื่องจากบริษัทจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา เช่น จังหวัดหนองคาย กรุงเทพฯ และ อีกแห่งอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งจะเป็นการกระจายฐานลูกค้าให้ครอบคลุม ซึ่งจะไม่ผูกขาดกับลูกค้ารายใหญ่ จากปัจจุบันที่มี 17 สาขา และบริษัทก็จะมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่การ ตลาด (มาร์เกตติ้ง) มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างเอง จากขณะนี้ที่มีจำนวน 300 ราย

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็น 10% จากขณะนี้ที่ 2% โดยการ จัดทำบทวิเคราะห์เป็นภาษาอังกฤษ และมีการปรับปรุงคุณภาพบทวิเคราะห์มากขึ้น ซึ่ง บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มนักวิเคราะห์ให้มากขึ้น อีก จากปัจจุบันที่มีจำนวน 7 คน

บริษัทจะมีการขยายการให้บริการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต (อินเทอร์เน็ตเทรดดิ้ง) เพิ่มเป็น 30-40% จากขณะนี้ที่มี 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด เพราะนักลงทุนจะ มีความสะดวกสบายในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกต- แชร์) จะรักษาที่ 3-3.5% จากปีนี้ที่ 3%

นายพิษณุกล่าวว่า เบื้องต้นในปีหน้าบริษัทรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จำนวน 3-4 บริษัท ซึ่งจาก นี้ถึงสิ้นปี 2548 จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียน 2 บริษัท คือ บมจ.อีซึ่นเพ้นท์ ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในวันที่ 26 ต.ค. และ บมจ.สตีลอินเตอร์เทค ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ

ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจในการให้บริการการให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) แต่ก็ขึ้น อยู่กับลูกค้าว่ามีความสนใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากลูกค้าให้ความสนใจ มูลค่าการซื้อขาย สูง บริษัทก็จะมีการทำเอง แต่หากปริมาณการซื้อขายไม่มาก บริษัทก็จะไม่ทำเองแต่จะเป็นการใช้ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจ หลักทรัพย์ (TSFC)

ส่วนในด้านธุรกิจตลาดอนุพันธ์นั้น บริษัทได้มีการยื่นเป็นสมาชิกของตลาดอนุพันธ์ซึ่งอยู่ใน 12 รายชื่อหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากฎระเบียบต่างๆซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว และบริษัทก็มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว

สำหรับการแข่งขันธุรกิจ บล.ปีหน้านั้นจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก เนื่องจากนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอนั้นมีเพียง 100,000 บัญชี จากจำนวนบัญชีทั้ง 430,000 บัญชี ขณะนี้จำนวนโบรกเกอร์ถึง 40 แห่ง ทำให้ต้องมีการแย่งลูกค้ากัน ซึ่งทุกโบรกเกอร์ก็จะหันมาเน้นที่คุณภาพ และการบริการที่ดีเป็นตัว ดึงดูดให้ลูกค้า

"ในปี 2549 ธุรกิจหลักทรัพย์จะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้จำนวนนักลงทุนที่มีการซื้อขายแอกทีฟเพียง 1 แสนบัญชี จากจำนวนบัญชีทั้งหมด 4.3 แสนบัญชี ซึ่งถือว่าน้อยมาก จาก บล. 40 แห่ง ที่มีเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง 7,000 คน ซึ่งโบรกเกอร์ก็จะต้องแข่งสูงขึ้น โดยโบรกเกอร์ ก็จะต้องมีการเน้นเรื่องคุณภาพและบริการที่ดี เพื่อดึงลูกค้า"

ทั้งนี้ บริษัทคาดมูลค่าการซื้อขายปี 2549 จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000-22,000 ล้านบาท จากปี 2548 ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท เนื่องจากมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียน ซึ่งจะทำให้มาร์เกตแคปของตลาดหุ้นไทยเพิ่ม ขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดรายได้ปี 2549 เพิ่มขึ้น 20-30% จากปี 2548 ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2547 เนื่องจากแผนการดำเนินการข้างต้น และการที่บริษัทไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกตลาด หลักทรัพย์ (ซีตโบรกเกอร์)   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us