Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์20 ตุลาคม 2548
จับตาผังเมืองรวมกทม. เอื้อคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร

   
search resources

Real Estate
สำนักผังเมือง




*นับถอยหลังผังเมืองรวมกทม.คาดจะประกาศใช้ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
*เปิดช่องดิ เวลลอปเปอร์ลุยพัฒนาพื้นที่เต็มพิกัด หลังปรับ FAR ตามแนวรถไฟฟ้าในรัศมี 500 เมตร เพิ่ม 20%
*ระบุคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าได้ประโยชน์สูงสุด
*เล็งผุด Sub center เมืองใหม่ 5 แห่ง รอบกรุงเทพฯ นำร่องลาดกระบัง ตามด้วยบางขุนเทียน ,ศรีนครินทร์ ,มีนบุรี และบางเขน

หลังจากที่ กรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้ขอขยายอายุกฎกระทรวงร่างผังเมืองรวม กทม. ฉบับที่ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบันออกไปอีก 1 ปี โดยครบกำหนดประกาศใช้ไปเมื่อวันวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากกฎกระทรวงผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ยังดำเนินไม่เสร็จเรียบร้อย

ในขณะนั้น กทม.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อขอขยายอายุการบังคับใช้ผังเมืองรวมฉบับเดิมต่อไปอีก 1 ปี จนถึงเดือนก.ค. 2549 เนื่องจากมีแนวโน้มว่าร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่อาจจะประกาศใช้ไม่ทันกำหนด

ชี้เมืองโตแบบไร้ทิศทาง

อย่างไรก็ตาม การเลื่อนการประกาศใช้ผังเมืองออกไปนั้น ส่งผลทำให้การพัฒนาเมืองเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง ไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเร่งขออนุญาตก่อสร้าง ขออนุญาตจัดสรรที่ดินไว้ล่วงหน้า

สมศักดิ์ เศรษฐนันท์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าของผังเมืองรวมกทม.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งร่างฉบับดังกล่าวไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบรายละเอียดข้อกฎหมายว่าถูกต้องหรือไม่ โดยขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาจากนี้ไปอีกราว 2 เดือน ซึ่งหลังจากผ่านการพิจารณาแล้วอาจจะส่งกลับมายัง ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบ แต่หากสาระสำคัญไม่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ก็จะส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยขั้นตอนทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน

สำหรับรายละเอียดของร่างกฎกระทรวงผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ มีสาระสำคัญที่แตกต่างออกไปจากผังเมืองรวมฉบับเดิมหลายจุดด้วยกัน โดยหลักใหญ่คือ การปรับเปลี่ยนโซนการใช้ประโยชน์พื้นที่ การแบ่งโซนพื้นที่ย่อยละเอียดลงไปจากเดิม และการออกข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับพื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร รวมทั้ง

ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่

1.เปิดพื้นที่การพัฒนามากขึ้น เช่น จากพื้นที่สีเหลือง (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย) เปลี่ยนเป็นสีส้ม (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง) หรือสีน้ำตาล (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก)
2. กำหนดบางพื้นที่เป็นอุตสาหกรรมบริการ เพื่อเพิ่มแหล่งงาน เช่น ย่านบางขุนเทียน
3.กำหนดแนวทางการพัฒนาศูนย์ชุมชนต่าง ๆ รอบกทม.ในลักษณะเมืองใหม่ หรือ Sub Center โดยมีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าผังรวมฉบับเดิม ที่มีการกำหนดไว้ในผังภาคกรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรสาคร ทั้งหมด 11 ศูนย์ โดยแบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 5 ศูนย์ ได้แก่ บางเขน, มีนบุรี, ลาดกระบัง,ศรีนครินทร์ และบางขุนเทียน นอกจากนั้นในอนาคตจะมีการเพิ่มพื้นที่เขตตลิ่งชันเข้ามารวมด้วย (อ่านข่าวประกอบปก)
4. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯรอบระบบแมส ทรานซิส คือมีการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในที่ดินรอบสถานีรถไฟฟ้าในรัศมี 500 เมตร โดยปรับสัดส่วนพื้นดินต่อพื้นที่อาคาร หรือ FAR เพิ่มขึ้น เป็น 20% ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่พัฒนาคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณกลางเมืองที่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า

เพิ่ม FAR ลด OSR

ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักผังเมือง กทม.กล่าวว่า ข้อกำหนดผังเมืองฉบับใหม่มีสาระสำคัญที่แตกต่างออกไปจากผังเมืองรวมฉบับเดิม โดยเฉพาะการกำหนดอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน หรือ FAR ที่ชัดเจน ให้สร้างพื้นที่อาคารได้มากขึ้น โดยกำหนดว่าแต่ละแปลงที่ดินจะสามารถพัฒนาพื้นที่ได้จำนวนเท่าใด แต่คงหลักการเดิมที่เน้น อัตราส่วนพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม หรือ OSR (Open Space Ratio) โดยกำหนดให้อาคารทุกหลัง ต้องมีพื้นที่ว่างที่เหมาะสม ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในอาคารได้สัดส่วนเฉลี่ย 35 ตร.ม./1 คน เพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และป้องกันเรื่องอัคคีภัย เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารนั้น

"รายละเอียดในการแก้ไขโดยรวม มีการปรับเพิ่มอัตราส่วน FAR เฉลี่ย 0.5 และปรับลดอัตราส่วนของ OSR ลง โดยบางพื้นที่ที่คงเดิมไว้ เช่น พื้นที่สีเหลือง ย.1-ย.4 (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย) ย.1 จะคงเดิม FAR 1:1 OSR 40%, ย.2 FAR 1.5:1 เดิม 1:1 OSR 20%, ย.3 FAR 2.5:1 เดิม 1.5 :1, และ ย.4 FAR 3:1 เดิม 2:1 และพื้นที่สีน้ำตาล ย.8-ย.10 (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก ย.8 FAR 6:1 เดิม 5:1, ย.9 FAR 7:1 เดิม 6:1, ย.10 FAR 8:1 เท่าเดิม OSR 5% พื้นที่สีเขียวและเขียวลายขาว ก.1-ก.4 (เกษตรกรรมและอนุรักษ์ชนบท) ก.1 FAR 1.5 : 1 เดิม 1 : 1 OSR 30% ก.3 FAR 1.5 : 1 เดิม 1 : 1OSR 30% ก.4 FAR 2 : 1 เดิม 1.5 : 1 OSR 15% เป็นต้น"

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชนผู้อยู่อาศัย การลงทุนของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของทรัพย์สินอันสืบเนื่องจากโอกาสการใช้ประโยชน์บนพื้นที่นั้นๆ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us