|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แสนสิริ จับ "เศรษฐสิริ-นาราสิริ" แตกซับแบรนด์ ชูจุดขายพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า เน้นวัสดุก่อสร้างหรูหราราคาแพง เพิ่มความอลังการให้ผู้พักอาศัย ฉีกรูปแบบยกระดับมาตรฐานโครงการสูงกว่าแบรนด์ 2 หลัก
การทำตลาดให้ประสบความสำเร็จมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและจดจำในกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์สินค้า ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์สินค้าจึงเป็นหัวใจหลักของการทำตลาดให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว
ผู้ประกอบการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมล้วนมีแนวทางการทำตลาดโดยหยิบยกเอากลยุทธ์การสร้างแบรนด์มาเป็นกลยุทธ์หลักในการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค และเมื่อใดที่แบรนด์สินค้าได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคแล้ว การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สูงกว่าคู่แข่ง ทำให้โอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาวมีมากขึ้น
ทั้งนี้ การสร้างแบรนด์ถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างก็เร่งสร้างแบรนด์เป็นของตนเองไม่ต่ำกว่า 2 แบรนด์ ทั้งนี้เพื่อแยกกลุ่มลูกค้าและรูปแบบการพัฒนาโครงการให้มีความแตกต่างและชัดเจนขึ้น โดยอาศัยแบรนด์เป็นเกณฑ์ในการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและผลิตภัณฑ์
ด้วยดีกรีการแข่งขันที่รุนแรงประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคในระดับบนเริ่มชะลอการตัดสินใจซื้อ ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคในการทำตลาด ดังนั้น การเลือกแบรนด์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มโอกาสให้ประสบความสำเร็จด้านยอดขายมากขึ้น
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI กล่าวว่า บริษัทได้ลงทุนพัฒนาโครงการในทำเลดังกล่าวภายใต้ชื่อ ดิ เอ็มเพอร์เรอร์ นาราสิริ คอลเล็คชั่น ซึ่งเป็นซับแบรนด์หรือแบรนด์ในเครือของ นาราสิริ แต่มีราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตที่ 22-59 ล้านบาท สูงกว่าแบรนด์ นาราสิริ ซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิต 10 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ภายในช่วงกลางเดือน พ.ย. ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ในย่านพุทธมณฑลสาย 1ซึ่งเป็นโครงการในรูปแบบโมเดิร์นรีสอร์ท ราคากว่า 6 ล้านบาท ภายใต้ซับแบรนด์ เช่นเดียวกับ ดิเอ็มเพอร์เรอร์ แต่จะเป็นซับแบรนด์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์หลักคือ เศรษฐสิริ ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตที่ 5-10 ล้านบาท กล่าวคือ SIRI จะนำแบรนด์หลักอย่าง "นาราสิริ และ เศรษฐสิริ" มาแตกเป็นซับแบรนด์หรือถือเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของโครงการภายใต้แบรนด์หลักทั้ง 2 แบรนด์
เศรษฐากล่าวว่า ซับแบรนด์จะใช้เฉพาะการลงทุนในโครงการที่มีความแตกต่างจากรูปแบบเดิมของทั้ง 2 แบรนด์ โดยเน้นเฉพาะโครงการที่มีจุดเด่นกว่าโครงการเดิมและมีความเป็นพรีเมี่ยมสูงกว่า ซึ่งในเบื้องต้นทั้ง นาราสิริ และ เศรษฐสิริ จะมีซับแบรนด์ภายใต้ความดูแลเพียงแบรนด์ละแห่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ซับแบรนด์ของ SIRI ภายใต้ชื่อ ดิ เอ็มเพอร์เรอร์ นั้นบ่งบอกถึงความหรูหราและความเป็นพรีเมี่ยมอยู่แล้วด้วยความหมายของ ดิ เอ็มเพอร์เรอร์ ซึ่งหมายถึงผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองแผ่นดิน ที่น่าจะเพียงพอสำหรับการนำมาตั้งชื่อโครงการใหม่ แต่ด้วยสถานการณ์ทางการตลาดและภาวะการแข่งขันอาจทำให้ SIRI ไม่มั่นใจกับแบรนด์ใหม่อย่าง ดิ เอ็มเพอร์เรอร์ เท่าไหร่นัก อีกทั้ง SIRI ยังต้องการที่จะคงแบรนด์บ้านแสนสิริซึ่งเป็นโครงการในระดับราคาเดียวกันไว้ที่สุขุมวิทเพียงโครงการเดียว ตัวเลือกสุดท้ายจึงเป็นการนำแบรนด์ นาราสิริ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและติดตลาดอยู่แล้วมาต่อท้าย เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นว่าเป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้การลงทุนของ SIRI เท่ากับเป็นการสร้างโอกาสและเพิ่มความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าให้เพิ่มสูงขึ้น
ปัจจุบัน SIRI มีแบรนด์โครงการที่อยู่ภายใต้ความดูแลถึง 4 แบรนด์ ซึ่งประกอบด้วย บ้านแสนสิริ ที่มีราคาขาย 26-54 ล้านบาท,นราสิริ ราคาขาย ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ,เศรษฐสิริ ราคาขาย 5-10 ล้านบาท และ สราญสิริ ซึ่งมีราคาขายต่อยูนิต 3-5 ล้านบาท
|
|
|
|
|